ผู้ว่าฯนครพนมมั่นใจเศรษฐกิจฟื้นตัว คึกคัก ยังเข้มคัดโควิด ชวนเที่ยว แบบนิวร์นอมอล
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้ ตลอดแนวน้ำโขงถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม บรรยากาศก่อนงานประเพณีออกพรรษา ได้มีตัวแทนชาวบ้านบรรดาศิลปินเรือไฟ แรงงานจากชุมชนหมู่บ้านต่าง ๆ ทั้ง 12 อำเภอ ต่างระดมกำลัง มาร่วมสรรค์สร้าง เรือไฟ เพื่อเตรียมพร้อมประกวดไหลโชว์ในคืนวันออกพรรษา โดยปีนี้ มีการส่งประกวดเรือไฟ จากพื้นที่ 12 อำเภอ รวม 12 ลำ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2563 ระหว่างวันที่ 25 – 29 กันยายน 2563 จะมีไหลเรือไฟโชว์ทุกคืน ส่วนไฮไลน์ จะมีการประกวดไหลเรือไฟ ในคืนวันที่ 30 กันยายน และ 1 -2 ตุลาคม 2563 เนื่องจากปีนี้มีมาตรการควบคุมโรคโควิดระบาด จึงเพิ่มวันไหลประกวดออกเป็น 3 วัน จากไหลวันเดียวในคืนออกพรรษา
สำหรับปีนี้บรรดาศิลปินเรือไฟจากพื้นที่ 12 อำเภอ ได้พยายาม สร้างเรือไฟให้มีความสวยงาม อลังการ มีทั้งแบบความคิดสร้างสรรค์ และความสวยงาม รวมทั้งหมด 12 ลำ มีความยาวประมาณ 60 -80 เมตร สูงประมาณ 20 -30 เมตร ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟ ประมาณ 4 – 5 หมื่นดวง มูลค่าก่อสร้างลำละเกือบล้านบาท โดยลวดลายปีนี้ จะเน้นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงออกถึงความจงรักภักดี รวมถึงสัญลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.นครพนม รวมถึง การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มอล ที่สำคัญในการก่อสร้างเรือไฟชาวบ้าน ไม่ได้มุ่งเน้นถึงค่าจ้างรางวัล แต่ได้ร่วมกันแสดงออกถึงความรัก ความศรัทธา ที่มีต่อ จ.นครพนม และร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงามแต่โบราณ เป็นความภาคภูมิใจของชาว จ.นครพนม
ด้าน นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม เปิดเผยว่า ปีนี้ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากโรคโควิดระบาด แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ในส่วนของงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟยังคง รักษาไว้ให้เป็นประเพณี โดย จ.นครพนม มีความพร้อมทุกด้าน เกี่ยวกับ การจัดงานไหลเรือไฟ ปีนี้มี เรือไฟชาวบ้าน ทั้ง 12 อำเภอ 12 ลำ เข้าประกวด ยิ่งใหญ่อลังการ ไม่แพ้ทุกปี เพราะเป็นงานที่เกิดจากพลังศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนรูปแบบการจัดงานทางจังหวัดนครพนม ได้หารือทุกภาคส่วน ปรับเปลี่ยนตามมาตรการคุมเข้มโรคโควิด จึงเพิ่มวันไหลประกวดเรือไฟเป็น 3 วัน จากปกติไหลคืนวันออกพรรษาวันเดียว เพิ่มเป็นวันที่ 30 กันยายน จำนวน 2 ลำ วันที่ 1 ตุลาคม 2563 จำนวน 3 ลำ และคืนวันออกพรรษา วันที่ 2 ตุลาคม 2563 จำนวน 7 ลำ เพื่อลดความแออัดในพื้นที่งาน นอกจากนี้ยังได้ มีมาตรการในการตั้งจุดตรวจคัดกรองในพื้นที่เสี่ยง แนะนำให้ประชาชน สวมหน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามระเบียบเคร่งครัด รวมถึง สถานประกอบการ ที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ต้องมีความพร้อม ทุกด้าน อย่างไรก็ตามถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด เชื่อมั่นว่า งานประเพณีไหลเรือไฟออกพรรษา ปีนี้ ยังคงไว้ถึงความสวยงาม ยิ่งใหญ่ รวมถึงรักษาประเพณีอันดีงาม และเชื่อว่า จะส่งผลให้เศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว กลับมาฟื้นตัว สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนหนึ่ง จ.นครพนม โชคดี ที่กลุ่มเป้าหมายมาท่องเที่ยว เป็นคนในประเทศ จึงไม่กระทบมาก ฝากไปยังประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาเที่ยวชมงาน อย่างมีความสุข และมีความมั่นใจในการดูแลของ เจ้าหน้าที่ทุกด้าน
สำหรับปีนี้บรรดาศิลปินเรือไฟจากพื้นที่ 12 อำเภอ ได้พยายาม สร้างเรือไฟให้มีความสวยงาม อลังการ มีทั้งแบบความคิดสร้างสรรค์ และความสวยงาม รวมทั้งหมด 12 ลำ มีความยาวประมาณ 60 -80 เมตร สูงประมาณ 20 -30 เมตร ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟ ประมาณ 4 – 5 หมื่นดวง มูลค่าก่อสร้างลำละเกือบล้านบาท โดยลวดลายปีนี้ จะเน้นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงออกถึงความจงรักภักดี รวมถึงสัญลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.นครพนม รวมถึง การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มอล ที่สำคัญในการก่อสร้างเรือไฟชาวบ้าน ไม่ได้มุ่งเน้นถึงค่าจ้างรางวัล แต่ได้ร่วมกันแสดงออกถึงความรัก ความศรัทธา ที่มีต่อ จ.นครพนม และร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงามแต่โบราณ เป็นความภาคภูมิใจของชาว จ.นครพนม
ด้าน นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม เปิดเผยว่า ปีนี้ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากโรคโควิดระบาด แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ในส่วนของงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟยังคง รักษาไว้ให้เป็นประเพณี โดย จ.นครพนม มีความพร้อมทุกด้าน เกี่ยวกับ การจัดงานไหลเรือไฟ ปีนี้มี เรือไฟชาวบ้าน ทั้ง 12 อำเภอ 12 ลำ เข้าประกวด ยิ่งใหญ่อลังการ ไม่แพ้ทุกปี เพราะเป็นงานที่เกิดจากพลังศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนรูปแบบการจัดงานทางจังหวัดนครพนม ได้หารือทุกภาคส่วน ปรับเปลี่ยนตามมาตรการคุมเข้มโรคโควิด จึงเพิ่มวันไหลประกวดเรือไฟเป็น 3 วัน จากปกติไหลคืนวันออกพรรษาวันเดียว เพิ่มเป็นวันที่ 30 กันยายน จำนวน 2 ลำ วันที่ 1 ตุลาคม 2563 จำนวน 3 ลำ และคืนวันออกพรรษา วันที่ 2 ตุลาคม 2563 จำนวน 7 ลำ เพื่อลดความแออัดในพื้นที่งาน นอกจากนี้ยังได้ มีมาตรการในการตั้งจุดตรวจคัดกรองในพื้นที่เสี่ยง แนะนำให้ประชาชน สวมหน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามระเบียบเคร่งครัด รวมถึง สถานประกอบการ ที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ต้องมีความพร้อม ทุกด้าน อย่างไรก็ตามถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด เชื่อมั่นว่า งานประเพณีไหลเรือไฟออกพรรษา ปีนี้ ยังคงไว้ถึงความสวยงาม ยิ่งใหญ่ รวมถึงรักษาประเพณีอันดีงาม และเชื่อว่า จะส่งผลให้เศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว กลับมาฟื้นตัว สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนหนึ่ง จ.นครพนม โชคดี ที่กลุ่มเป้าหมายมาท่องเที่ยว เป็นคนในประเทศ จึงไม่กระทบมาก ฝากไปยังประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาเที่ยวชมงาน อย่างมีความสุข และมีความมั่นใจในการดูแลของ เจ้าหน้าที่ทุกด้าน