เมื่อเวลา​ 10.30​ น.วันที่​ 27​ ก.ย.​ ร.ต.ท.ธน​พล​ มโนษร​ รองสว.(สอบสวน)​สน.โชคชัย​ รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธ​ปืนจี้ชิงทรัพย์​ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้า​โลตัส​ สาขาวังหิน​ แขวง-เขตลาดพร้าว​ จึงแจ้งผู้บังคับบัญชา​ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม​ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบช.น.พ.ต.อ.ชัยรพ​ จุณณวัตต์​ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.พรทวี สมวงษ์​ ผกก.สน.โชคชัย​ พ.ต.อ.สิทธิ​ศักดิ์​ นาคามาตร์ผกก.สส.บก.น.4 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุบริเวณร้านทองเยาวราชกรุงเทพ​ สาขาโลตัส​ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าออกของห้างสรรพสินค้า​ดังกล่าว​ พบพนักงานกำลังยืนรอให้การด้วยความตื่นตระหนก​ จากการสอบสวนพนักงานให้การว่าคนร้ายเป็นชายใช้อาวุธปืน​ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้กระโดดเข้าไปบนกระจกบริเวณภายในร้านก่อนจะทุบไปยังบริเวณตู้โชว์กวาดทองในถาด​ไปจำนวน​ 5 ถาด​ รวมปริมาณทิงประมาณ​ 200 บาท มูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท จากการสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์​ เปิดเผยว่า​ก่อนเกิดเหตุ​ ขณะที่ตนกำลังเดินเข้ามาในห้างคนร้ายซึ่งเดินเข้ามาคู่กัน​ จากการสังเกตุ​คนร้ายสวมยืดขาว​ สวมหมวกกันน็อคชมพูครึ่งใบใส่แมสปิดบังในหน้า​ เมื่อเดินมาถึง​หน้าร้านทองคนร้ายได้ผลักตน​ให้พ้นทาง จากนั้นคนร้ายได้กระโดดขึ้นบนตู้กระจก​ และข้ามไปยังภายในร้าน​ หลังจากนั้นตนได้ยินเสียงกระจกแตก​ จึงหันกลับไปมอง​ พบคนร้ายใช้อาวุธ​ปืน​กวาดไปมา​ รปภ.ของห้างจะเข้ามาช่วยแต่คนร้ายข่มขู่รปภ.ว่าอย่ามายุ่ง ตนด้วยความตกใจจึงรีบหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ​ ด้านพยานที่เปิดร้านขายของใกล้เคียงที่เกิดเหตุเปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุตนสังเกตุเห็น​บุคคลซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ ลักษณะเป็นชายสูงประมาณ 170 เซ็นติเมตร​ สวมเสื้อแขนยาวสีเทาขาว ลักษณะรูปร่าง ไม่ผอมไม่อ้วน สะพายกระเป๋าข้างสีดำ สวมหมวกกันน็อกครึ่งหัวสีแดง สวมหน้ากากอนามัย และมีลักษณะเหมือนคนไส่วิกผมสีน้ำตาลเป็นลอนยาวเพื่ออำพรางตัว นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นว่าคนร้ายถือปืนลูกโม่แต่ไม่รู้ว่าเป็นปืนแท้หรือปืนปลอม หลังก่อเหตุก็วิ่งเลี้ยวซ้ายและหลบหนีไปด้านหลังของห้างสรรพสินค้า​ ไปขี่รถจยย.ฮอนด้า คลิก สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ข้ามสะพานคลองลาดพร้าว สามารถขี่ทะลุไปออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนลาดปลาเค้า และถนนพหลโยธิน ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดจับรถคนร้าย พาหนะที่ใช้ก่อเหตุและหลบหนีตามเส้นทางที่พยานให้การ และประสานสถานีตำรวจใกล้เคียงช่วยสกัดจับ แต่ไร้วี่แววคนร้ายลอยนวลหลบหนีไปได้ มีรายงานว่าคนร้ายมีการดูลาดเลาก่อนลงมือชิงทรัพ์ซึ่งก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 9.30น. มีชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมหน้ากากอนามัย ลักษณะคล้านคนร้ายที่ก่อเหตุ เข้ามาสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยว่า ร้านทองดังกล่าวเปิด-ปิดกี่โมง ซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัย ก็บอกกับชายคนดังกล่าวว่า ร้านทองเปิดปิดตามเวลาห้าง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร กล่าวภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เชื่อว่าคนร้ายมีมาดูลาดเลามาก่อนก่อเหตุ ซึ่งหลักฐานที่ได้มาตอนนี้ พอจะทราบรูปพรรณสันฐานของคนร้าย แต่นำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนรถจักรยานต์ที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นได้ข้อมูลยี่ห้อและรุ่นรถแล้ว ส่วนป้ายทะเบียนยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ รวมถึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเส้นทางของคนร้ายหลบหนีไปเส้นทางใด พร้อมยืนยันว่ากล้องวงจรปิดของทางร้านและบริเวณใกล้เคียงสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ทั้งหมด ส่วนน้ำหนักทองที่คนร้ายได้ไปคาดว่าน้ำหนักเกือบ 200 บาท มูลค่าเบื้องต้น 6 ล้านบาทสำหรับอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นปืนลูกโม่ ซึ่งเป็นปืนจริงหรือปลอมยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์​หลักฐาน​เข้าตรจสอบพื้นที่​เก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจรปิด​ พร้อมเส้นทางหลบหนีของคนร้าย​ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป มีรายงานที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาวังหิน ก่อนหน้านี้มีเหตุคนร้ายใช้อาวุธชิงทองมาแล้ว 2 ครั้งในปีเดียวกัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยเหตุการณ์ทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นที่ร้านห้างทองเยาวราชเอเชีย สาขาเจซี เป็นอาคารแถวชั้นเดียว อยู่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างเทสโก้โลตัส ครั้งแรกเกิดเหตุ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ต.ค. 62 โดยคนร้ายเป็นเจ้าของวลีดัง "ล้อเล่น"โดยพนักงานของร้านเล่านาทีระทึกว่าคนร้ายได้ขอถ่ายภาพสร้อยทองน้ำหนัก 5 บาท 1 เส้น เพื่อส่งให้เพื่อนดูผ่านไลน์ ก่อนจะกำสร้อยทองวิ่งหนีแต่โจรวิ่งชนประตูอัตโนมัติก่อนหันมาบอกว่า "ล้อเล่น" ก่อนคนร้าย ชิงสร้อยคอทองคำไป จำนวน 24 บาท มูลค่าประมาณ 500,000 บาท แล้ววิ่งหลบหนีออกไป ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีดำคาดแดง ไม่ติดแผ่นป้านทะเบียน หลบหนีมุ่งหน้าถนนลาดปลาเค้าหลังจากนั้น 3 วัน ก็มาถูกจับกุมตัวได้ คือ นายวุฒินันท์ สันติกุลสุข อายุ 22 ปี ที่บ้านพักย่านดินแดงกทม. เหตุการณ์ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรกประมาณ 2 เดือน เหตุเกิดช่วงค่ำวันที่ 17 ธ.ค. มีคนร้ายทราบชื่อต่อมานายนิพัฒน์ ใจชอบสันเที๊ยะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ซอยสุวรรณดี แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ใช้อาวุธปืนยิงกระจกหน้าร้านก่อนเข้าไปชิงทอง ประมาณ 40 เส้น น้ำหนักกว่า 120 บาท มูลค่ากว่า 2.4 ล้านบาท ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำคาดแดง ไม่ทราบเลขทะเบียน หลบหนี ชุดสืบสวนตามแกะรอยจนพบข้ามไปเล่นกาสิโนฝั่งเมียนมา ก่อนบุกรวบตัวได้ที่จุดท่าข้ามไปฝั่งเมียนมา บริเวณบ้านท่าอาจ หมู่ที่ 4 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ยึดสร้อยทองของกลางได้เพียง 2 เส้น เท่านั้น