“เอนก เหล่าธรรมมัศน์” รมว.อว.ลงพื้นที่ มทร.ศรีวิชัย - มรภ.นครศรีธรรมราช ปลื้มช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลั่นดึงชาวบ้านร่วมทำวิจัยให้ บพท.จัดหาทุนระดับพื้นที่ ผุดไอเดียทำ “อว.สัญจร” ออก ตรวจเยี่ยมหน่วยงานในภูมิภาค ทุก 2 เดือนทำงานควบคู่กับ “อว.ส่วนหน้า” สร้าง อว.ให้เป็นกระทรวงแห่งการปฎิบัติ
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.63 ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมคณะผู้บริหาร อว. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.ศรีวิชัย) จ.ตรัง และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช (มรภ.นครศรีธรรมราช) เพื่อติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน “บทบาทมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ : นวัตกรรมการสร้างเศรษฐกิจชุมชนบนฐานทรัพยากรพื้นที่ถิ่นและภูมิวัฒนธรรม” โดยเน้นการมีส่วนร่วมของภาคีในพื้นที่ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาคมท้องถิ่น
โดยหลังการตรวจเยี่ยม ศ. ดร.เอนก ให้สัมภาษณ์ว่า งานวิจัยของ มทร.ศรีวิชัย และ มรภ.นครศรีธรรมราช มุ่งเน้นการขับเคลื่อนพื้นที่ชุมชนบนฐานทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ด้วยการสร้างกลไกการทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการสร้างอาชีพและสร้างรายได้แก่ชุมชนนับล้านบาท เกิดการพัฒนาธุรกิจท้องถิ่นเพื่อสังคมและตลาดออนไลน์ ที่ชาวบ้านได้เรียนรู้ร่วมกับนักวิจัย โดย มทร.ศรีวิชัย เน้นการนำเทคโนโลยีไปช่วยชุมชนและการทำวิจัยในท้องถิ่น ส่วน มรภ.นครศรีธรรมราช เน้นวางตัวเป็นตลาดหรือเป็นผู้บริโภคสินค้าในพื้นที่นั้น เป็นการช่วยดูดซับสินค้าในท้องถิ่น เกิดการใช้ของไทย ไทยทำไทยใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ทำให้ได้เห็นศักยภาพของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้เห็นแนวคิดของชาวบ้านที่เข้าใจความสำคัญและเห็นประโยชน์ของงานวิจัย ซึ่ง อว.จะเข้ามาสนับสนุนและขยายผลต่อไปทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจนและส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
“เวลานี้ ชาวบ้านพูดแล้วว่า รู้จักงานวิจัย เขาทำวิจัยเป็นแล้ว ดังนั้น เราต้องสนับสนุนงานวิจัยที่ทำให้คนเป็นนักวิจัย ที่ไม่ใช่เฉพาะบุคลากรในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ต้องให้คนทั่วไปโดยเฉพาะชาวบ้านเข้ามาร่วมเป็นนักวิจัยด้วย โดยต้องเป็นการทำวิจัยแบบที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด นั่นคือ การคิด ใคร่ครวญ หาความรู้ และสร้างความรู้ เพราะการทำวิจัยจะได้ผลจริงส่วนหนึ่งคือ ต้องทำให้วิจัยเป็น “วัฒนธรรม” หรือเป็น “วิถีชีวิต” และต้องเป็นงานวิจัยที่ออกนอกมหาวิทยาลัย โดย อว.จะสนับสนุนให้หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ หรือ บพท.เข้ามาดำเนินการต่อไป”
รมว.อว.กล่าวอีกว่า การมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ตน ได้นำคณะผู้บริหาร อว.โดยเฉพาะหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(ววน.) มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อดูว่าจะทำงานเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่อย่างไร ถือเป็น การ ”สนธิกำลัง” ของหน่วยงานภายใต้ อว. นอกจากนี้ ตนยังมีแนวคิดจัดทำ “อว.สัญจร” โดยนำทีม อว. ไปตรวจเยี่ยมหน่วยงาน อว.ในภูมิภาคต่างๆ ทุก 2 เดือน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างโอกาสในการทำงานร่วมกัน ควบคู่กับการจัดตั้ง “อว.ส่วนหน้า” หรือ หน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าของ อว.ตามนโยบายโครงการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจะทำงานร่วมกันเพื่อให้ อว. เป็นกระทรวงแห่ง”การปฏิบัติ” สามารถนำความรู้มาช่วยพัฒนาประเทศและภูมิภาคได้จริง
โดยหลังการตรวจเยี่ยม ศ. ดร.เอนก ให้สัมภาษณ์ว่า งานวิจัยของ มทร.ศรีวิชัย และ มรภ.นครศรีธรรมราช มุ่งเน้นการขับเคลื่อนพื้นที่ชุมชนบนฐานทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ด้วยการสร้างกลไกการทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการสร้างอาชีพและสร้างรายได้แก่ชุมชนนับล้านบาท เกิดการพัฒนาธุรกิจท้องถิ่นเพื่อสังคมและตลาดออนไลน์ ที่ชาวบ้านได้เรียนรู้ร่วมกับนักวิจัย โดย มทร.ศรีวิชัย เน้นการนำเทคโนโลยีไปช่วยชุมชนและการทำวิจัยในท้องถิ่น ส่วน มรภ.นครศรีธรรมราช เน้นวางตัวเป็นตลาดหรือเป็นผู้บริโภคสินค้าในพื้นที่นั้น เป็นการช่วยดูดซับสินค้าในท้องถิ่น เกิดการใช้ของไทย ไทยทำไทยใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ทำให้ได้เห็นศักยภาพของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้เห็นแนวคิดของชาวบ้านที่เข้าใจความสำคัญและเห็นประโยชน์ของงานวิจัย ซึ่ง อว.จะเข้ามาสนับสนุนและขยายผลต่อไปทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจนและส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
“เวลานี้ ชาวบ้านพูดแล้วว่า รู้จักงานวิจัย เขาทำวิจัยเป็นแล้ว ดังนั้น เราต้องสนับสนุนงานวิจัยที่ทำให้คนเป็นนักวิจัย ที่ไม่ใช่เฉพาะบุคลากรในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ต้องให้คนทั่วไปโดยเฉพาะชาวบ้านเข้ามาร่วมเป็นนักวิจัยด้วย โดยต้องเป็นการทำวิจัยแบบที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด นั่นคือ การคิด ใคร่ครวญ หาความรู้ และสร้างความรู้ เพราะการทำวิจัยจะได้ผลจริงส่วนหนึ่งคือ ต้องทำให้วิจัยเป็น “วัฒนธรรม” หรือเป็น “วิถีชีวิต” และต้องเป็นงานวิจัยที่ออกนอกมหาวิทยาลัย โดย อว.จะสนับสนุนให้หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ หรือ บพท.เข้ามาดำเนินการต่อไป”
รมว.อว.กล่าวอีกว่า การมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ตน ได้นำคณะผู้บริหาร อว.โดยเฉพาะหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(ววน.) มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อดูว่าจะทำงานเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่อย่างไร ถือเป็น การ ”สนธิกำลัง” ของหน่วยงานภายใต้ อว. นอกจากนี้ ตนยังมีแนวคิดจัดทำ “อว.สัญจร” โดยนำทีม อว. ไปตรวจเยี่ยมหน่วยงาน อว.ในภูมิภาคต่างๆ ทุก 2 เดือน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างโอกาสในการทำงานร่วมกัน ควบคู่กับการจัดตั้ง “อว.ส่วนหน้า” หรือ หน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าของ อว.ตามนโยบายโครงการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจะทำงานร่วมกันเพื่อให้ อว. เป็นกระทรวงแห่ง”การปฏิบัติ” สามารถนำความรู้มาช่วยพัฒนาประเทศและภูมิภาคได้จริง