นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาญัตติร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ 30 วัน ซึ่งถูกมองเป็นการซื้อเวลาว่า 1 เดือนจะไปซื้อทำไม ข้อเท็จคือร่างรัฐธรรมนูญ 6 ร่างยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยเฉพาะวุฒิสภาไม่ได้ร่วมตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ จะให้เขามาลงมติก็ดูขัดอยู่ ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดก็คือการตั้งกมธ.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาสจะตั้งคณะกรรมาธิการฯเพื่อจะพิจารณา ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วถูกต้องตามครรลองครองธรรมและไม่ใช้ระยะเวลานานที่จะพิจารณา และที่บอกว่ายื้อหรือบอกจะคว่ำ ทำไมไม่คว่ำตั้งแต่วันนี้ หรือคว่ำวันไหนๆก็ได้ ทำไมต้องไปอีก 1 เดือน แล้วถ้าอีก 1 เดือนพิจารณาแล้วไม่คว่ำ คนที่พูดจะรับผิดชอบคำพูดเขาอย่างไร เมื่อถามว่า คิดกันมานานแล้วใช่หรือไม่ที่จะตั้งกมธ.ชุดนี้ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนเพิ่งรู้ตอนช่วงลงมติ เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ จะทำให้มันเกิดสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดได้อย่างไร ตนว่าไม่ใช่เรื่องที่เราคิดจะยื้ออะไร เป็นเรื่องของครรลองครองธรรมตามที่รัฐสภาควรที่จะยืดหยุ่นในการแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเอาชนะคะคานกัน ในเวลาเดือนกว่าๆ คิดในเชิงลบอย่างเดียว เมื่อคิดในเชิงลบโดยที่ตัวเองเป็นตัวตั้ง ก็จะไม่เกิดผลดีกับรัฐสภา และไม่เกิดผลดีกับประชาชนที่อยากเห็นการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าทะเลาะกันก่อนก็ยิ่งเกิดความลำบากในการพูดคุย เพียงแค่นี้ยังไม่ไว้ใจกัน แล้วเมื่อไหร่จะเข้าสู่โหมดความไว้วางใจกันในการช่วยแก้ปัญหาของบ้านเมือง ยืนยันรัฐบาลจริงใจ สิ่งที่บอกว่าไม่จริงใจเป็นการคาดเดาหรือเปล่า แล้วถ้าวันนั้นมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คนที่บอกว่ารัฐบาลจริงใจหรือเปล่า รับผิดชอบคำพูดเขาอย่างไร เมื่อถามว่า ห่วงกระแสนอกสภาหรือไม่ นายอนุชา ตอบว่า ทุกคนห่วงอยู่แล้วกระแสนอกสภา เราห่วงพี่น้องประชาชนที่อยากเห็นในสิ่งที่เขาอยากเห็น ตนเชื่อว่าการเมืองมีหลากหลายมิติ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและเห็นต่าง ซึ่งเป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย เพราะถ้าสังคมมีความเห็นไปในทางเดียวกัน รับรองมันไม่มีปัญหาอะไรแน่ ประเทศเราไม่มีวันเกิดปัญหา แต่เมื่อมีความเห็นต่างเราก็ต้องหาข้อยุติ ถ้าเราเห็นแล้วเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดก็ไม่มีปัญหา และจากการพูดคุยกับฝ่ายค้านวันที่ 24 ก.ย.ในสภา ตนก็บอกว่าขอให้ใจเย็นๆ ให้มั่นใจว่าพวกเราไม่มีเจตนาจะดึง ถ้ามาบอกว่าเราดึงวันข้างหน้าท่านจะกลืนน้ำลายตัวเอง เรื่องนี้ไม่น่าวิตก ให้ดำเนินการตามเหตุตามผล และอยากให้คิดง่ายๆหากตั้งกรรมาธิการฯขึ้นมาแล้วไม่รับร่างฯในที่สุดอะไรมันจะเกิดขึ้น ส่วนที่ฝ่ายค้านไม่ร่วมก็ไม่เป็นไร ฝ่ายค้านก็ต้องตอบปัญหาสังคมว่าที่มองเป็นการมองด้านเดียว เมื่อถามว่า มีการพูดกันว่าเรื่องนี้รู้กันก่อนล่วงหน้าไม่นาน ทำให้มองกันว่ามีใบสั่งหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ใครจะมองในแง่ลบก็คือลบ ใครจะมองในแง่สร้างสรรค์ก็สร้างสรรค์ แต่ยืนยันว่าเราคำนึงถึงกระแสของประชาชนอยู่แล้ว นึกถึงอยู่ตลอด ตนอยากให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย ตนอยากให้ประชาธิปไตยเบ่งบานจริงๆในประเทศชาติ คนที่เก่งมีความสามารถขอให้รอหน่อย สิ่งเหล่านั้นมันจะเกิดขึ้นถ้าประชาชนเขาตัดสินใจที่จะให้ใครมาบริหารชาติบ้านเมือง แต่ถ้ามีการนำพาประชาชนไปสู่ถนน วันข้างหน้าจะเกิดวงจรแบบนี้อีก เมื่อถามว่า ก่อนที่จะมาถึงจุดการตั้งคณะกรรมาธิการฯมีการหารือในวิป 3 ฝ่ายหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลหารือกันมาตลอดว่าจะเดินไปในแนวทางใด ก่อนที่จะลงมติว่ารับหลักการหรือไม่รับหลักการ ซึ่งถือเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภา เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความเห็นต่างจากพรรคพลังประชารัฐในเรื่องนี้ จะทำให้มีปัญหาในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุชา ตอบว่า ตรงนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราไม่มีการเตี้ยมกัน ทุกอย่างเป็นเอกสิทธิของสมาชิก ต่างคนต่างอิสระที่จะดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าการทำงานไม่ได้มีมิติเดียว ทุกฝ่ายต้องยอมรับความเห็นต่าง ต้องเห็นว่ามีความสำคัญ ถ้าไม่ยอมรับตรงนี้สังคมก็จะเกิดมิติที่เราไม่อยากให้เกิด ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นรัฐบาลเป็นห่วงหรือไม่ที่เรื่องนี้เป็นประเด็นหลักในการที่จะทำให้เกิดการชุมนุมใหญ่ในเดือนต.ค.นี้ นายอนุชา กล่าวว่า อยากขอร้องประชาชนหรือคนที่คิดจะชุมนุมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราอยากให้เกิดเป็นผลลบต่อสังคมหรือต่อประชาชน แต่เราอยากเห็นการเดินหน้าของระบอบประชาธิปไตยที่เบ่งบานที่ประชาชนคาดหวัง เราอยากเห็นสิ่งนั้นเราก็ต้องเดินไปสู่จุดหมายปลายทางร่วมกัน แต่ไม่ใช่ว่าประชาธิปไตยต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น เราต้องมาค่อยพูดค่อยจากันในรัฐสภา ทุกสิ่งทุกอย่างมีทางออก