เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. จากนั้นเวลา 14.30 น.ได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ภายหลังการประชุมพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า วาระสำคัญเป็นเรื่องของ พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่รับโอนกลับมาจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมติของก.ตร.และก.ต.ช.รับกลับมาเป็นตำรวจ พล.ต.ท.ดร.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. /โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวสรุปผลผการประชุมก.ตร. และก.ต.ช. โดยในส่วนของก.ตร. ที่ประชุมได้รับทราบการกระทำผิดวินัยและการให้ออกราชการของข้าราชการตำรวจ ของอนุก.ตร. คณะต่างๆ โดยเห็นชอบให้มีการไล่ออกข้าราชการตำรวจที่ประพฤติผิดวินัยร้ายแรง จำนวน 38 นาย ปลดออก จำนวน 3 นาย และให้ออก จำนวน 7 นาย รวมทั้งหมด 48 นาย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการละทิ้งราชการและความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และในที่ประชุมก.ตร. ได้มีการพิจารณาการกำหนดตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.รับผิดชอบด้านการสืบสวนสอบสวนคดีทางเทคโนโลยี โดยมีเงื่อนไขเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว และตามกฎหมายมาตรา 54 วรรค 2 ระบุว่า การกำหนดตำแหน่งดังกล่าวจะต้องให้ก.ต.ช. เห็นชอบ ซึ่งก.ต.ช. มีมติเห็นชอบ จากนั้นจึงได้มีการพิจารณารับโอนพล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการ ปปง. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นชอบรับโอนให้มาดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหาก พล.ต.ต.ปรีชา พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว ตำแหน่งนี้จะต้องถูกยุบ สำหรับกรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ได้ร้องทุกข์ในกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำรองราชการ ซึ่งในที่ประชุมก.ตร. ได้มีการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรอบคอบชัดเจน และเพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ร้องทุกข์ ก.ตร.จึงมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำเรื่องหารือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยทางการปกครอง เพื่อให้เกิดความรอบคอบชัดเจน ในแนวทางการปฏิบัติ โดยจะมีการนำเสนอโดยเร็ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้รีบดำเนินการ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึง สารวัตร(สว.) ประจำปี 2563 กรณีนี้ ก.ตร.ไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามจะมีการดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งมีการระบุว่าจะต้องเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน คาดว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนอีกกรณีที่มีการพูดถึงในที่ประชุม คือ ความคืบหน้าของการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่ากรณีนี้ได้พ้นในขั้นตอนการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีไปแล้ว ขณะนี้เนื้อหาสาระของการปฏิรูปตำรวจจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากมีหลายประเด็นที่ผ่านคณะรัฐมนตรีไป ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดโครงสร้างรูปแบบการบริหาร โดยเน้นไปที่สถานีตำรวจ เส้นทางการเติบโตของงานสอบสวน เรื่องของการที่ต้องมีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม รวมถึงกรณีอีกหลายๆอย่าง ที่จะเป็นประโยชน์ในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมข้อมูลต่างๆ เพื่อเตรียมชี้แจงในกรณีที่จะมีการเสนอต่อรัฐสภาต่อไป ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีนอกจากนี้นายกฯ ยังย้ำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับติดตามผลการดำเนินงานต่างๆ คดีที่มีความสำคัญ หรือคดีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน เมื่อมีประเด็นอะไรที่ต้องดำเนินการ ให้รีบดำเนินการโดยเร็ว และให้สร้างความรับรู้ไปยังพี่น้องประชาชน และมีเรื่องที่แจ้งให้ทราบในที่ประชุมในวันนี้มี ก.ตร. 2 ท่าน ที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.