รายงาน: องคมนตรีตรวจเยี่ยมโครงการฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริและชมผลสัมฤทธิ์จากการพัฒนาที่ส่งผลให้ราษฎรสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โอกาสนี้ องคมนตรีและคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปสภาพเศรษฐกิจและสังคมของตำบลหนองกุ่ม จากนายก อบต.หนองกุ่ม รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำของกลุ่มผู้ใช้น้ำฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากนั้นเยี่ยมชมฝายทดน้ำบ้านหนองแดง อาคารสถานีสูบน้ำ และชมการใช้น้ำในการประกอบอาชีพของราษฎร จำนวน 2 ราย โครงการฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยตะเพินอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อจัดหาน้ำช่วยเหลือราษฎรสำหรับทำการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภคของราษฎร ตามที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริไว้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2533 โดยฝายทดน้ำบ้านหนองแดงฯ มีลักษณะเป็นฝายทดน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาวของลำฝาย 67.50 เมตร สูง 4 เมตร มีอาคารสถานีสูบน้ำ จำนวน 2 โรง (โรงสูบน้ำใหญ่ซ้าย และโรงสูบน้ำใหญ่ขวา) ซึ่งปัจจุบันสามารถส่งน้ำให้กับราษฎรสำหรับอุปโภค บริโภค และเพื่อการเพาะปลูกให้กับราษฎร หมู่ที่ 2 บ้านหนองกระทุ่ม หมู่ที่ 5 บ้านหนองแดง หมู่ที่ 11 บ้านวังด้ง และหมู่ที่ 14 บ้านสลอบ พื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการน้ำโดยราษฎรอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้สามารถพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จากนั้น องคมนตรีและคณะฯ เดินทางไปเยี่ยมชมแปลงเกษตรของนายเนตร หมอนทอง ราษฎรหมู่ที่ 5 ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เดิมมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และทำนา 1 ครั้งต่อปี มีพื้นที่ จำนวน 12 ไร่ ได้ผลผลิตข้าว ไร่ละ 50 ถัง ปัจจุบันเมื่อได้รับน้ำจากระบบส่งน้ำฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีโรงสูบน้ำส่งน้ำไปยังแปลงนา ทำให้สามารถทำนาได้ 2 ครั้ง ต่อปี มีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น ไร่ละ 80 – 100 ถัง นอกจากนี้ยังสามารถทำเกษตรผสมผสานโดยปลูกพืชผักสวนครัว กล้วย อ้อย มะพร้าว ดีปลี และเลี้ยงปลา ทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น จากการขายดีปลีถึงเดือนละ 7,000 บาท นอกจากนี้ยังมีรายได้จากพืชผักสวนครัวส่งขายหมุนเวียนทุกวัน ครอบครัวมีความสุขและมีชีวิตความมั่นคง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ต่อมา องคมนตรีและคณะ เดินทางไปเยี่ยมชมแปลงเกษตรของนายสำเภา รู้ระวัง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตำบลหนองกุ่ม พร้อมพบปะพูดคุยเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของโรงสูบใหญ่ ซึ่งเดิม นายสำเภามีพื้นที่จำนวน 17 ไร่ เดิมทำนา 1 ครั้ง ต่อปี ได้ผลผลิตข้าวเพียงไร่ละ 30 ถัง ปัจจุบันเมื่อได้รับน้ำจากระบบส่งน้ำฝายทดน้ำบ้านหนองแดงฯ สามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ได้ผลผลิต 70 – 100 ถัง ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงราษฎรบริเวณใกล้เคียงที่ได้รับประโยชน์จากการบริหารจัดการน้ำโดยกลุ่มของราษฎรอย่างเพียงพอและมั่นคงอีกด้วย