เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ต่อมา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 โดยตัดเสียงเห็นชอบของส.ส.ฝ่ายค้านและวุฒิสภาออก จะทำให้รัฐสภากลับไปเป็นเผด็จการรัฐสภา หรือสภาทาสเหมือนในอดีต สำหรับการกล่าวอ้างว่าในอดีตมีส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 นั้น การจะกล่าวอ้างต้องมีบริบท และสภาพแวดล้อมที่เหมือนกันด้วย โดยปี 2540 สังคมมีความสามัคคี แม้มีความเห็นต่างแต่ไม่มีความแตกแยก ไม่มีกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดที่มีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ทำลายความคงอยู่ของสถาบัน ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่บอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดของประเทศไทย แต่เราได้รัฐบาลไม่ดีที่มาจากการเลือกตั้ง วุฒิสภาถูกซื้อตัว องค์กรอิสระถูกแทรกแซง แตกแยก โกงกิน หมิ่นเจ้า เป็นรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับประชาชน แต่สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมากมาย ไม่สืบทอดอำนาจ แต่เป็นทายาทอสูร , พล.อ.สมเจตน์ กล่าวอีกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นผลให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประเด็นนี้ต้องร่วมกันพิจารณา หากขัดต่อรัฐธรรมนูญจะมีผลกระทบต่อรัฐสภาไปอีกหลายประการ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเกิดความแตกแยก มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มที่มีทัศนคติอันเลวร้าย บั่นทอน ทำลายความคงอยู่ของสถาบัน จึงไม่เอื้อต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะความขัดแย้งจะขยายความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการแก้ไขเพื่อใคร เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นหรือไม่ เพราะตนเชื่อว่าไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่บรรดานักการเมืองว่า จะปฏิบัติตนด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรมมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ตนมิใช่องครักษ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ต่อการแก้รัฐธรรมนูญทุกครั้ง และเป็นคนไม่ลืมง่าย ทราบดีว่าหากปล่อยให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมรุนแรงมากขึ้น