“สานงานต่อ ก่องานใหม่” ผลงานในรอบ 1 ปี ของ“ชัยธวัช เนียมศิริ” ผวจ.กาฬสินธุ์ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทางเศรษฐกิจ และสังคม นับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ที่นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ “พ่อเมืองน้ำดำ” คนที่ 54 โดยขอความร่วมมือชาว จ.กาฬสินธุ์ทุกภาคส่วน ร่วมแรงร่วมใจ เพื่อพัฒนา ไปด้วยกัน ตามแนวทาง WE ARE KALASIN “ฉับพลัน ทันที มีประสิทธิภาพ” โดยดำเนินการใน 3 มิติควบคู่กันไปคือ มิติด้านความมั่นคง มิติด้านเศรษฐกิจ และมิติด้านสังคม ทั้งนี้ ได้สานงานต่อ นโยบายดี ๆ ที่นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์คนที่ 53 ได้ปูทางไว้ เพื่อเสริมให้งานมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์กับพี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ อย่างเต็มพร้อม เริ่มจากโครงการ Kalasin Happiness Model : คนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่มีเป้าหมายดำเนินงานตั้งแต่ พ.ศ. 2561 – 2564 โดยได้กำหนดเป็นวาระสำคัญของจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเร่งด่วน ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและชุมชน นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในปี 2563 ที่เริ่มดำเนินงาน มีข้อมูลครัวเรือนที่เป็นเป้าหมายเดิม และมีการ re-x-ray เพิ่มเติม เพื่อค้นหาครัวเรือนยากจน พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 3,685 ครัวเรือน ในจำนวนนี้พร้อมเป็นครัวเรือนต้นแบบ จำนวน 129 ครัวเรือน ส่วนที่สามารถพัฒนาต่อได้จะมีการส่งเสริมอาชีพให้ ส่วนในรายที่สงเคราะห์ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือและส่งเสริมอาชีพต่อไป ตามแนวทาง Kalasin Happiness Model : คนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ปี 2563 ร่วมใจแก้จน และจากผลการดำเนินงาน ทำให้จ.กาฬสินธุ์ ได้รับรางวัลเลิศรัฐ 2 ปี ซ้อน โดยในปีนี้ได้รับรางวัลดีเด่น สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ร่วมใจแก้จน นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้จัดทำโครงการ Kalasin Green Market เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาด้านการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ เกิดการสร้างรายได้อย่างมั่นคง ซึ่งโครงการนี้ เป็นอีกสาขาหนึ่งของโครงการแก้ปัญหาความยากจน Kalasin Happiness Model : คนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จากผลการดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด “รวมคน รวมของ” ทำให้ขณะนี้มีกลุ่มร่วมดำเนินการแล้ว จำนวน 8 กลุ่ม พัฒนาเป็นสหกรณ์แล้ว จำนวน 2 สหกรณ์ ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตรแก้มลิงหนองเลิงเปือย สหกรณ์การเกษตรปันบุญ บ้านดอนแคน ต.ฆ้องชัยพัฒนา อ.ฆ้องชัย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวิสาหกิจผู้ผลิตผักผลไม้ลำหนองแสน อ.หนองกุงศรี กลุ่มปลูกผักไร่นาสวนผสม ต.หลักเหลี่ยม อ.นามน กลุ่มปลูกผักบ้านโพนสวาง ต.กุดสิมคุ้มใหม่ อ.เขาวง กลุ่มผักฮักแพงหนองแวง ต.หนองแวง อ.สมเด็จ กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชนตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บ้านแกเปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง และโครงการไข่นอกคอก มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 22 แห่ง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการจัดจำหน่าย การตลาด เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงธุรกิจสำหรับนักเรียน และจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยมีโรงเรียนยางตลาดวิทยาคาร เป็นจุดรวมและกระจายสินค้า “ในส่วนยุทธการฟ้าแดดสงยาง ระดมกวาดล้างยาเสพติด จ.กาฬสินธุ์ โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจ.กาฬสินธุ์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นมา ตามมาตรการหลัก 3 ด้าน คือ ป้องกัน ปราบปราม และบำบัดฟื้นฟู โดยเฉพาะมาตรการที่ 3 ด้านการบำบัดฟื้นฟูนั้น เน้นไปที่การแก้ไขปัญหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ซึ่งมีเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้หลงผิด ให้กลับมาเป็นคนดี มีคุณภาพ ไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ซึ่งการแก้ไขปัญหาเสพติด จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน / ชุมชน ช่วยกันทำงานควบคู่กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการชี้ช่องทาง พบเบาะแส ใช้พลังชุมชนเพื่อลดจำนวนผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในหมู่บ้าน /ชุมชน ลดลง” นายชัยธวัชกล่าว และว่า ในส่วนสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ภารกิจที่สร้างความเชื่อมั่น และทำให้ผลการดำเนินงานในการยับยั้งการแพร่ระบาด ได้ผลเชิงประจักษ์คือ ปฏิบัติการสี่ทหารเสือยับยั้งการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ที่ได้นำกลไกของ อสม.เคาะประตูบ้าน มาใช้ในการดำเนินงานในพื้นที่ ทั้ง 18 อำเภอ ประกอบด้วยผู้แทนนายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ หรือจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ร่วมกับทีมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ปฏิบัติการเคาะประตูบ้าน ตรวจคัดกรอง รณรงค์ ให้ประชาชนมีสุขภาพอนามัยที่ดีสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีการรณรงค์ให้มีการใช้ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ซึ่งเป็นการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19 นายชัยธวัชกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 เริ่มคลี่คลายลง และภาครัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ โดยกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้ให้ประชาชนในระดับพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์จึงได้ดำเนินการขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในระดับจังหวัด ด้วยโครงการ “เดิน กิน ชิม เที่ยว” อย่างต่อเนื่องตลอดปี อย่างน้อยเดือนละ 1 พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโรโคนา 2019 (COVID - 19) กำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จ.กาฬสินธุ์ได้ร่วมกับ ทั้ง 18 อำเภอ จัดกิจกรรม เดิน กิน ชิม เที่ยว โดยได้ให้แต่ละอำเภอกำหนดสถานที่ที่มีอยู่แล้ว เช่น การจัดงานที่พระธาตุยาคู อ.กมลาไสย งานตักบาตรถนนไดโนโรด อ.สหัสขันธ์ ถนนคนเดินตลาดต้นยาง อ.ยางตลาด ถนนคนเดินผาเสวย อ.สมเด็จ หรือที่อื่น ๆ ตามความเหมาะสม สำหรับในพื้นที่ของ จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กำหนดใช้บริเวณตลาดชุมชนย่านเมืองเก่า เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการมาในรอบ 1 ปี ถือได้ว่าได้สร้างคุณูปการให้กับจ.กาฬสินธุ์ อย่างอเนกอนันต์ จากเดิมที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองรองของการท่องเที่ยว แต่ภาพรวมที่ปรากฏกำลังจะเป็นเมืองหลักของการท่องเที่ยว มีความมั่นคง มั่งคั่ง ด้านการท่องเที่ยว การเกษตรปลอดภัย ที่จะเชื่อมโยงให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน