วันที่ 23 ก.ย. 63 ที่บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายสมใจ ชาญจระเข้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น นำคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง ,สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง ,พนักงานส่วนตำบล/พนักงานจ้าง ,ประชาชน และ ผู้นำชุมชน ,อสม. พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาศึกษาดูงานตามโครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานการประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง โดยมี นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือครูแดง บ้านศิลป์ไทย ประธานชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย/บ้านทุ่งศิลป์ ให้การต้อนรับ นายสมใจ ชาญจระเข้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง กล่าวว่า แนวคิดระบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำรัสแก่ชาวปวงชนชาวไทยนับตั้งแต่ พ.ศ.2517 เป็นต้นมา นับเป็นปรัชญาและกระบวนการที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ ได้ในทั้งระดับบุคคล ครัวเรือน กลุ่มองค์กร จนถึงระดับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้สามารถดำรงสถานะอยู่ได้ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ตลอดจนกระแสโลกาภิวัตน์ที่เป็นพลวัตทุกวินาทีโดยยึดหลักการสำคัญ 5 ประการ คือ 1) ด้านจิตใจทำตนให้เป็นที่พึ่งตนมีจิตสำนึกที่ดี สร้างสรรค์ตนเองและชาติโดยรวม มีจิตใจเอื้ออาทร ประนีประนอมเห็นแก่ประโยชน์รวมเป็นที่ตั้งมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว 2) ด้านสังคมแต่ละชุมชน ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันเชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็งเป็นอิสระ 3) ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมรู้จักให้ใช้และจัดการอย่างฉลาดพร้อมทั้งหาทางเพิ่มมูลค่า โดยให้ยึดอยู่บนหลักการของความยั่งยืน 4) ด้านเทคโนโลยีจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเทคโนโลยีที่เข้ามาใหม่ๆ มีทั้งดีและไม่ดี เราต้องแยกแยะบนพื้นฐานของภูมิปัญญาชาวบ้าน และเลือกใช้เฉพาะที่สอดคล้องตรงกับความต้องการ ความประหยัด และสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาของเราเอง 5) ด้านเศรษฐกิจแต่เดิมนักพัฒนามักมุ่งที่การเพิ่มรายได้ และไม่มีการมุ่งที่การลดรายจ่าย ในเวลาเช่นนี้จะต้องปรับทิศทางใหม่ คือ จะต้องมุ่งลดรายจ่ายก่อน เป็นสำคัญและยึดหลักพออยู่ พอกิน พอใช้ นายสมใจ ชาญจระเข้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง กล่าวต่อว่า ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 66 ,6 และ 68 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ให้มีอำนาจและหน้าที่อำนาจหน้าที่ในการพัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ในการบริหารจัดการมุ่งเน้นเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อให้การบริหารจัดการและการดำเนินงานขององค์กรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างพอเพียงพึ่งตนเองได้ มีภูมิคุ้มกันจากผลการกระทบต่างๆ จากการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัตน์ ผู้บริหารท้องถิ่นและบุคลากรต้องมีการเรียนรู้และหาแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการจากหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จ เพื่อนำมาประยุกต์และปรับใช้ในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีกินดี มีความสุข นั้น องค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง จึงได้จัดทำโครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานการประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมุ่งเน้นให้ผู้บริหาร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลพนักงานส่วนตำบล ผู้นำชุมชนและประชาชน ได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหารจัดการองค์กรและชุมชน ซึ่งจะนำความรู้ดังกล่าวมาประยุกต์และปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สามารถพึ่งตนเองได้มีความ "พออยู่ พอกิน " และมีความอิสระที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องติดยึดอยู่กับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตนไม่หวั่นไหวไปกับกระแสนิยม ร่วมกันสร้างสังคมให้เข้มแข็งสามารถพึ่งตนเองได้ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นทั้งของครอบครัวชุมชนและประเทศชาติต่อไป นายสมใจ ชาญจระเข้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง กล่าวอีกว่า โครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานการประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลหว้าทอง ในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาอบต. เจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไปในการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานและดำเนินชีวิตประจำวันจัดการที่ดี เพื่อศึกษาแนวทางการประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ เพื่อให้ความรู้ และหลักปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเกิดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในการพัฒนาท้องถิ่นให้ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้าน นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือครูแดง บ้านศิลป์ไทย กล่าวว่า ในวันนี้ต้องขอขอบคุณนาวิน ลิ้มมณีประเสริฐ เจ้าของแสงพศิน เมล่อนฟาร์ม อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ที่มาบรรยายเรื่องการปลูกเมล่อน ให้กับคณะศึกษาดูงาน “เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมานานกว่า 25 ปี เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินการไปในทางสายกลาง เพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกและทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการขจัดความยากจน ลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของคนในชุมชน และเป็นพื้นฐานของการสร้างพลังอำนาจของชุมชน การพัฒนาศักยภาพชุมชนให้แข็งเข็ง เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ ซึ่งตนและครอบครัวเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว ได้ยึดวิถีชีวิตตามแนวคิดและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการดำเนินชีวิต พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาดูงานอยู่เป็นประจำ และสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ครูแดง โทร 086-2289508” นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือครูแดง บ้านศิลป์ไทย กล่าว