ศาลอุทธรณ์ ไม่อนุญาตถอนฟ้องอาญา “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” คดียักยอกเงินกว่า 22 ล้าน หลังผู้แทนสหกรณ์ยื่นยินยอมขอถอนคดีรับเงินชดใช้ 34 ล้าน ศาลชี้ คดีมูลค่าเสียหายสูง นายทะเบียนสหกรณ์เท่านั้นมีอำนาจยื่น ด้านทนายเล็ง ยึ่นฎีกาคาด ย้ำคดียอมความได้เชื่อมีอำนาจขอถอนฟ้อง วันที่ 28มิ ย 60 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและการร้องทุกข์นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 60 ปีอดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มูลค่า 22 ล้านบาท ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศุภชัย จำเลย ในคดีหมายเลขดำ อ.1739/2558ฐานยักยอกทรัพย์ผู้อื่น และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และ 354 โดยวันนี้เบิกตัว นาศุภชัย จำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ขณะที่ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ ระบุว่า คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาจำคุกจำเลย รวม 14 ปี 24 เดือน โดยเมื่อวันที่ 28 มี.ค.59 จำเลย ยื่นอุทธรณ์คดี แล้วระหว่างนั้นวันที่ 8 ธ.ค.59 มีการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและการร้องทุกข์คดีระบุมีการชดใช้เงิน 35 ล้านบาทเศษโดยวันที่ 7 ธ.ค.59 มีการทำบันทึกยอมความของผู้แทนสหกรณ์ฯ ซึ่งวันที่ 16 ธ.ค.59 นายทะเบียนสหกรณ์ทำการคัดค้าน ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วที่ระบุจำเลยได้ชดใช้เงินคืนผู้เสียหายด้วยแคชเชียร์เช็ค 11 ฉบับมูลค่ากว่า 34 ล้านบาท โดยมีผู้บริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์และรักษาการผู้จัดการดำเนินการ ต่อมาวันที่ 15 ก.พ.60 จำเลยและสหกรณ์ฯ ได้มียื่นหนังสือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุสหกรณ์ผู้เสียหาย ยินยอมถอนคำร้องทุกข์ดำเนินคดีนี้นั้น เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 การจัดตั้งสหกรณ์เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมโดยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และให้มีการกำกับดูแลความเสื่อมเสีย และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยถ้าเกิดความเสียหายก็สามารถสั่งระงับยับยั้งได้ ซึ่ง ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ฯ ให้นายทะเบียนสหกรณ์ สั่งระงับการดำเนินงานทั้งหมดหรือบางส่วนของสหกรณ์ หรือให้งดเว้นการกระทำที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์หรือสมาชิก ดังนั้นการดำเนินการใดต้องเป็นไปโดยนายทะเบียนสหกรณ์ซึ่งบุคคลอื่นไม่สามารถทำการที่จะเป็นการระงับสิทธิของสหกรณ์แทนได้ ประกอบกับเมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีความเสียหายมูลค่ามาก ดังนั้นจึงให้ยกคำร้องการขอถอนฟ้องจำเลย ภายหลังฟังคำสั่ง นายวันชัย บุนนาค ทนายความของนายศุภชัย เปิดเผยว่า กรณีนี้จำเลยเห็นว่าเป็นคดีความผิดที่ยอมความกันได้ ดังนั้นระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์จำเลยก็ได้รวบรวมเงินเยียวยาค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 34 ล้านบาทเศษไปเจรจาเพื่อทำการตกลงบันทึกยอมความถอนคำร้องทุกข์กับผู้เสียหายซึ่งผ่านการพิจารณาที่ได้รับอนุญาตตามมติจากที่ประชุมผู้เสียหายเรียบร้อย แล้วจึงมีการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ แต่ระหว่างที่ดำเนินการ นายทะเบียนสหกรณ์ได้ยื่นคัดค้านการยอมความในส่วนของคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์ ก็มีความเห็นว่านายทะเบียนมีอำนาจยับยั้งการถอนคำร้องทุกข์ และเพราะคดีมูลค่าความเสียหายเยอะ อย่างไรก็ดีเมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะดำเนินการตามข้อกฎหมายต่อไปในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาตามขั้นตอนซึ่งจะดำเนินการโดยเร็วภายใน 15 วัน ทั้งนี้ในส่วนของเนื้อหาคดีหลักก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ซึ่งหากศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเนื้อหาในคดีออกมาก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เรายังจะใช้สิทธิฎีกาคดีได้ โดยในส่วนของนายศุภชัยนั้น ปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำมานานตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.58 ซึ่งนายศุภชัย ถูกอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลมาแล้วรวม 3 สำนวน และยังมีในชั้นการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อีกกว่า 10 สำนวน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้ นายศุภชัย ต้องรอฟังผลอุทธรณ์คดีต่อไป ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก 8 กระทงเป็นเวลา 14 ปี 24 เดือน โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งคดีนี้เป็นสำนวนแรกที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษนายศุภชัยในความผิดต่อทรัพย์สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโดยในชั้นพิจารณาคดีนี้ นายศุภชัย ก็ได้ให้การรับสารภาพศาลจึงมีคำพิพากษาดังกล่าว