นางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง ศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท เพื่อขยายและปรับปรุงตลาดเดิมโดยเปิดตัวโครงการตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ บนพื้นที่กว่า 320 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเดิม 70% ปัจจุบันตลาดสี่มุมเมืองมีปริมาณซื้อขายผักผลไม้ 8,000 ตันต่อวัน มูลค่าการซื้อขายกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุม 60% ของการบริโภคผักผลไม้ในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี รองรับผู้ซื้อกว่า 10,000 รายต่อวัน มีจำนวนผู้ขายมากถึง 3,500 รายต่อวัน พื้นที่การค้ากว่า 4,000 แผงค้า จำหน่ายผักผลไม้และของสดกว่า 1,300 ชนิด ครบทุกความต้องการของผู้ซื้อ โดยตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่แบ่งออกเป็น 2 โซน สำหรับโซนที่ 1 ตลาดผักยุคใหม่ บนพื้นที่ 143 ไร่ เป็นตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดตัวเมื่อต้นปี 2562 ซึ่งปรับปรุงตลาดให้มีความทันสมัย โดยขยายพื้นที่การค้าขึ้นอีก 30% และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย 9 ตลาด  ได้แก่ อาคารรถผัก ตลาดผักปรุงรส ตลาดผักทั่วไป ตลาดผักพื้นบ้าน/คัดบรรจุ ตลาดพืชไร่ ตลาดหอม-กระเทียม-พริกแห้ง ตลาดสด รวมถึงตลาดผักต่างประเทศ และ ตลาดปลาร้าของดอง นอกจากนี้ ยังมีโซนห้องเย็นให้บริการอีกด้วย ขณะที่ โซนที่ 2 ตลาดผลไม้ยุคใหม่ บนพื้นที่ 113 ไร่ เตรียมเปิดตัวปลายปี 2563 พร้อมเพิ่มพื้นที่การค้าขึ้นอีก 45%  และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความทันสมัย เช่น การเชื่อมตัวอาคารตลาดผลไม้กว่า 7 ตลาดให้เปรียบเสมือนอยู่ภายในอาคารเดียวกันบนพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร มีการใช้รถไฮโดรลิคประเภทต่างๆ เพื่อขนถ่ายสินค้า พร้อมชูจุดเด่นคือ ตลาดมะม่วง ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และตลาดผลไม้ต่างประเทศ ที่มีห้องเย็นขนาดใหญ่ภายในแผงค้าเพื่อรักษาคุณภาพความสดใหม่ของผลไม้ รองรับการบริโภคผลไม้ต่างประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับตลาดผลไม้ยุคใหม่ มีผลไม้จำหน่ายอีกครบครัน ทั้งผลไม้ไทยที่มีจำหน่ายตลอดทั้งปี  และผลไม้ไทยตามฤดูกาล นอกจากนี้ ยังมีสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณด้านหลังตลาดที่เชื่อมต่อถนนกำแพงเพชร 6 (ถนนโลคัลโรด) เข้าสู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2563 นี้พร้อมตลาดผลไม้ยุคใหม่ ซึ่งทำให้การเดินทางเข้าสู่ตลาดสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่ง นางสาวปณาลี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันตลาดสี่มุมเมือง ถือเป็นตลาดค้าส่งผักอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ อาคารรถผัก ขนาดใหญ่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตลาดค้าส่งอื่นๆ ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ในทุกวันจะมีเกษตรกรนำผักชนิดต่างๆ จากแหล่งผลิตมาจอดขายจากท้ายรถให้กับผู้ซื้อโดยตรงกว่า1,500 คัน ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกวันมาขายได้ตามผลผลิตที่มี เป็นการลดต้นทุน ไม่ต้องเช่าแผงค้าประจำ เพียงเสียค่าธรรมเนียมเมื่อขับรถเข้ามาขายเท่านั้น และเพื่อรองรับปริมาณผู้ซื้อ ผู้ขายที่เพิ่มขึ้น ตลาดสี่มุมเมืองยังได้ขยายพื้นที่จอดรถ สามารถรองรับรถได้มากกว่า 4,000 คัน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อ ผู้ขาย ที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างมากในอนาคต ทั้งนี้ตลาดสี่มุมเมือง เปรียบเสมือนเมืองหนึ่งที่คนเข้ามาใช้ชีวิต มีคนหมุนเวียนกว่า 55,000 ต่อวัน เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพ ทำให้มีรายได้ที่มั่นคงแก่คนจำนวนมาก เรามีสถานที่ให้เกษตรกรจากทั่วประเทศ เข้ามาขายสินค้าได้โดยตรงกับผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกรทำให้มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น ส่วนผู้ซื้อก็สะดวกได้สินค้าที่สดใหม่ทุกวัน ในราคาที่ยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย