เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 กันยายน ที่อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนบน) ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ นายอำเภอด่านขุนทด ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเอ่อล้นสปิลเวย์ (spillway) โดยมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และผู้นำชุมชนได้นำไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เสี่ยงภัยพร้อมรายงานสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น นายไพฑูรย์ นายอำเภอด่านขุนทด เปิดเผยว่า ถือเป็นรอบ 4 ปี ที่อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนบน) มีน้ำดิบเต็มพื้นที่เก็บกัก หากเปรียบเทียบวันเดียวกันของปีที่ผ่านมาอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ปริมาณน้ำแห้งขอด ขณะนี้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดพร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับชาวบ้านที่มีที่ทำกินและบ้านพักอาศัยในละแวกเส้นทางน้ำธรรมชาติและในที่ลุ่มต่ำ ซึ่งมีจำนวน 10 หมู่บ้าน โดยให้นำสิ่งของมีค่าและสัตว์เลี้ยงไว้บนที่สูงและติดตามการแจ้งความเคลื่อนไหวทางหอกระจายข่าวท้องถิ่น เพื่อเตรียมพร้อมอพยพหากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ส่วนชาวนายังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้นข้าวกำลังตั้งท้องต้องการพอดี นอกจากนี้ได้กำชับให้การประปาท้องถิ่นดำเนินการสูบน้ำเพื่อเก็บกักในแหล่งน้ำ ด้านนายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่ได้รับจากพายุ “โนอึล” ส่งผลให้น้ำฝนไหลเข้าอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนบนจนเต็มพื้นที่ความจุ 8.8 ล้าน ลบ.ม. หรือ 106 % ตนได้ควบคุมปริมาณน้ำเข้าและออกให้สัมพันธ์กันรวมทั้งควบคุมการไหลของน้ำให้ลงคลองน้ำธรรมชาติ เพื่อให้ก้อนน้ำไปเติมอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) อ.โนนไทย ซึ่งมีปริมาณน้ำ 3 ล้าน ลบ.เมตร จากพื้นที่กักเก็บน้ำ 27 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีก 89 % อิทธิพลของพายุลูกนี้รวมทั้ง 3 วัน มีน้ำฝนไหลเข้า 142.87 ล้าน ลบ.ม. ชลประทานจะบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ ที่อาจเกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งและไหลท่วมฉับพลับได้