“จุรินทร์”นำพาณิชย์จัด THAIFEX–ANUGA ASIA 2020 แบบ “The Hybrid Edition” นำอาหารไทยสู่ตลาดโลก พร้อมจับมือ 4 กระทรวงเอ็มโอยูมาตรฐานความปลอดภัยอาหารจากโควิด-19 เมื่อวันที่ 22 ก.ย.63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานจัดงานแสดงสินค้าเกษตร อาหาร และเครื่องดื่มTHAIFEX–ANUGA ASIA 2020 โดยจัดในรูปแบบผสมผสาน (หรือ Hybrid) เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ตอบรับสถานการณ์การค้าวิถีใหม่(New Normal) เป็นงานที่เรยกว่า THAIFEX–ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า ปี 2563 เป็นปีที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน กิจกรรมหลายๆ อย่างต้องหยุดชะงักหรือชะลอตัว แม้แต่อุตสาหกรรมอาหารซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เคยเติบโตก็ได้รับผลกระทบ ยิ่งไปกว่านั้นเรายังต้องเผชิญกับสถานการณ์สงครามการค้า เศรษฐกิจชะลอตัว ความผันผวนของค่าเงินบาท ดังนั้นการปรับตัวทางเศรษฐกิจและการปรับตัวทางการค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าให้กับฐานราก โดยเฉพาะในส่วนของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอี โอท็อป รวมทั้งไมโครเอสเอ็มอีต่างๆ ที่อยู่ในทุกภาคส่วนของภูมิภาค กระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นความจำเป็นที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยนำแนวนโยบาย “เกษตรผลิต พําณิชย์ตลาด” ตามยุทธศาสตร์ “ตลาดนําการผลิต” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสองกระทรวงสำคัญที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับพื้นฐานของประเทศ จนก้าวสู่ตลาดโลกคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ สร้างฐานข้อมูล Big Data ร่วมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ มุ่งสู่เป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก ทั้งนี้การค้าภายในประเทศจะมีเซลส์แมนจังหวัดทำหน้าที่ขยายตลาดและหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการทำงานเป็นทีมระหว่างพาณิชย์จังหวัด จับมือกับเกษตรกร ผู้ประกอบธุรกิจ ภาคเอกชนและภาครัฐที่เกี่ยวข้อง สร้างโอกาสการค้าและช่องทางการเข้าสู่ตลาดของสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ขณะที่ด้านการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์มีกลไกในการเชื่อมโยงตลาดโลกและ ผู้ประกอบการไทยให้มาเจอกัน ผ่านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ซึ่งได้กระจายที่ตั้ง ครอบคลุมตลาดคู่ค้าหลักๆ และตลาดที่มีศักยภาพทั่วโลก 58 แห่ง มีเซลส์แมนประเทศ เปรียบเสมือนทัพหน้าที่จะกรุยทางให้ผลผลิตจากเกษตรกร ผลิตภัณฑ์อาหารจากผู้ผลิตก้าวสู่ตลาด ต่างประเทศอย่างมั่นคง สร้างโอกาสในการแข่งขัน รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถของเกษตรกรและ ผู้ประกอบการไทยในการเจาะตลาดสำคัญ ได้มีนโยบายเร่งรัดผลักดันการส่งออกภายใต้แนวทาง “รักษําและขยํายตลําดเดิม เปิดตลาดใหม่ ฟื้นตลาดเก่าที่เคยเป็นตลําดสําคัญ” โดยมีคณะผู้บริหาร ระดับสูงเดินทางไปทาความตกลงทางการค้า(MOU) และจับคู่ธุรกิจกับนานาประเทศทั้งในแถบเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ได้เล็งเห็นลู่ทางการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการผลักดันแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆที่กระทรวงพาณิชย์มีอยู่จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ รวมถึงร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างชาติเช่น อาลีบาบาของจีน โดยส่วนของอุตสาหกรรม อาหารนั้นแม้จะมีเหตุการณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในการผลิตและส่งออกอาหารในต่างประเทศ แต่ประเทศไทยสามารถให้ความมั่นใจกับผู้บริโภคทั่วโลกได้ว่า อาหารไทยปลอดภัย ปราศจากเชื้อในกระบวนการผลิต จนรัฐบาลไทยสามารถออกหนังสือรับรองการปฏิบัติตามมาตรการ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกระบวนการผลิตอาหารส่งออกให้กับผู้ผลิตอาหาร เพื่อแสดงต่อผู้ซื้อและผู้นำเข้าในต่างประเทศ ซึ่งหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย โดยได้มอบให้ท่านปลัดทั้ง 4 กระทรวงเป็นผู้ลงนามความร่วมมือในวันนี้ เพื่อรับรองการปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกระบวนการผลิตอาหารส่งออก (COVID- 19 Prevention Best Practice) สำหรับงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX จึงมีส่วนสาคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งงานนี้เป็นงานสาคัญที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 30 สำหรับการจัดงานในปีนี้ ได้มีการปรับชื่องานเป็น THAIFEX – ANUGA ASIA ซึ่งเป็นการรวมตัวกันระหว่าง 2 งานที่ยิ่งใหญ่คือ THAIFEX ของประเทศไทย และ ANUGA จากเยอรมนี โดยยังเป็นปีแรกที่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้เป็นแบบไฮบริด (Hybrid) เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ โดยใช้ชื่องานว่า THAIFEX–ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” โดยเป็นการผสมผสานการจัดงานระหว่างออฟไลน์และเทคโนโลยี ออนไลน์ การจัดงานครั้งนี้จะเป็นการช่วยกระตุ้นตั้งแต่สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรม อาหารและเครื่องดื่มของไทยให้ฟื้นตัวกลับมา พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่น และเน้นย้าให้ทั่วโลกได้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยในเรื่องความปลอดภัย และยังสามารถผลิตและส่งออกได้ในปริมาณที่เพียงพอสาหรับการบริโภคในโลก ซึ่งแม้ว่าจะมีเรื่องโควิด-19 มากระทบ แต่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าแบบออฟไลน์รวม 708 บริษัท 1,747 คูหา "มั่นใจว่าการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบผสมผสาน (หรือ Hybrid) เป็นครั้งแรกของประเทศไทยจะตอบรับสถานการณ์การค้าวิถีใหม่ (New Normal) ของงานแสดงสินค้าเกษตร อาหาร และเครื่องดื่มTHAIFEX–ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition”ครั้งนี้และจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคาดว่าจะได้มูลค่ามากกว่า 6000 ล้านบาท"