เมื่อวันที่ 20 ก.ย.63 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้อำนวยการเขตพระนคร ไรับมอบอำนาจจากกรุงเทพมหานคร ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ให้ดำเนินคดี กรณี มีกลุ่มบุคคลได้ทำลายรั้วเหล็ก และกลุ่มบุคคลบางส่วนได้ขุดเจาะถนนคอนกรีตซีเมนต์ซึ่งเป็นถนนตัดกลางท้องสนามหลวง ซึ่งมีไว้สำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรุงเทพมหานครได้รับความเสียหาย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ ฐาน ทำให้เสียหายทรัพย์ และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ.2535  และเมื่อวันที่ 21ก.ย.63 กรมศิลปากรได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่ามีการฝังหมุดของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสาตร์และการชุมนุม ในพื้นที่สนามหลวงอันเป็นโบราณสถานซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.25024มาตรา 10 “ ห้ามมิให้ผู้ใดซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม ทำลาย เคลื่อนย้ายโบราณสถาน หรือส่วนต่าง ๆ ของโบราณสถาน หรือมีการขุดค้น สิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคารภายในบริเวณโบราณสถาน เว้นแต่จะกระทำ ตามคำสั่งของอธิบดี หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี... ” ซึ่งพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 426/2563 ลง 20 ก.ย.63     ต่อมาพนักงานสอบสวน กรมศิลปากร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ EOD เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง พบว่ามีทรัพย์สินเสียหายหลายรายการ และพบว่ามีการขุดถนนคอนกรีตซีเมต์เป็นหลุมกว้างขนาด 1 ฟุต × 1 ฟุต ลึก 2.5 ซ.ม. เพื่อฝังหมุดของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในที่เกิดเหตุ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดี และนำส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อทำการตรวจพิสูจน์ตามหนังสือ บก.น.1 ที่ 0015(บก.น.1).10/3982 ลง 21 ก.ย.63 ทั้งนี้ กรมศิลปากร และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณท้องสนามหลวงให้อยู่ในสภาพปกติต่อไป ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าวเป็นรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์การกระทำความผิด อันเป็นการดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฏหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ