​“อดีตรองโฆษก พปชร.” ถาม “พิธา” นักการเมืองถ่ายรูปเช็กอิน แล้วหลบใต้เวทีปราศรัยสง่างามหรือไม่ ปล่อยแกนนำม็อบทำผิด ติงอย่าลอยตัว หนีไม่พ้นกฎหมายเข้าข่ายยุบพรรค ​ ​น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563ที่ผ่านมาว่า เป็นไปด้วยความสงบและยุติลงอย่างสง่างาม พร้อมกับกล่าวว่ามีความพยายามสร้างภาพ กล่าวหา ป้ายสีให้พวกเขาดูก้าวร้าวและต้องการความรุนแรง นั้น อยากให้นายพิธาทบทวนคำพูดของตนเอง เพราะเป็นถึงหัวหน้าพรรคการเมือง ซึ่งไม่มีใครกล่าวหาใครตามที่นายพิธากำลังชี้นำ เพราะทุกอย่างมีหลักฐานประจักษ์ว่า สงบ ก้าวร้าว หรือรุนแรง สังคมตัดสินเองได้ เมื่อเห็นภาพปรากฎตามข่าว นายพิธาเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของนักการเมืองที่ฉกฉวยประโยชน์จากกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแท้จริง โหนกระแสกลุ่มผู้ชุมนุม ไปลงพื้นที่ถ่ายรูปเช็กอินว่ามาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว เพื่อหาเสียงสนับสนุนกับกลุ่มผู้ชุมนุมและเยาวชนใช่หรือไม่ มาถึงวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมและสังคมน่าจะรู้เท่าทันนายพิธาแล้ว เพราะที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมถูกดำเนินคดีหรือถูกออกหมายจับ ไม่เคยเห็นนายพิธาปรากฎตัวแต่อย่างใด ​“ในการชุมนุมที่ผ่านมา มีการตั้งข้อสังเกตว่านายพิธาเองพยายามแสดงบทบาทในฐานะคนดู มากกว่าผู้เล่น ทำให้เข้าใจได้ว่า หากเกิดอะไรขึ้น จะได้กันตัวเองออกหากปัญหาใช่หรือไม่ ฉะนั้นเมื่อนายพิธาเห็นว่า การชุมนุมที่ผ่านมานั้นสง่างาม จึงอยากถามนายพิธาว่า นักการเมืองที่หลบอยู่ใต้เวทีปราศรัยของเยาวชนนั้น สง่างามหรือไม่ ”น.ส.ทิพานัน กล่าว ​น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า แต่ถึงนายพิธาจะพยายามลอยตัว แต่กรณีที่ 6 พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพรรคก้าวไกล ประกาศสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม ม. 45แห่ง พ.ร.ป. พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ที่บัญญัติห้ามผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เสี่ยงที่จะมีโทษยุบพรรคการเมือง ตามมาตรา 92 (3) ฉะนั้น เมื่อนายพิธาปรากฎตัวอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยก็ยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล