นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งจะแจกเงิน 3,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน ไม่ได้จำกัดเงื่อนไข หรือพิจารณาจากรายได้ของผู้จะได้รับสิทธิ์ว่าต้องเป็นผู้มีรายได้ในระดับเท่าใด แต่จะประเมินจากจำนวนผู้ลงทะเบียนทันตามที่กำหนดไว้จำนวน 10 ล้านคน และต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น มีระยะเวลาในการดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนต.ค.-ธ.ค.63 แต่ได้กำหนดให้ผู้ลงทะเบียนสำเร็จ และได้สิทธิ์รับเงิน 3,000 บาทต้องใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมโครงการภายใน 14 วันเท่านั้น หากไม่ใช้ภายในเวลาที่กำหนดจะดำเนินการตัดสิทธิ์จำนวนเงินนั้นทิ้ง แล้วนำมาเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ จนกว่าจะครบตามจำนวนที่วางไว้ สำหรับโครงการคนละครึ่งจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์คนละครึ่งดอทคอมในวันที่ 16 ต.ค.63 และเริ่มใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ในวันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.63 รัฐบาลจะสมทบการใช้จ่ายให้สูงสุดวันละ 100 บาทต่อวัน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 1 ต.ค.63 โดยต้องเป็นร้านค้าบุคคลธรรมดา ไม่ใช่ร้านค้าที่เป็นนิติบุคคล ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ และไม่ใช่ร้านค้าแฟรนไชส์ ขณะนี้มีร้านค้าพร้อมเข้าร่วมแน่นอนกว่า 100,000 รายทั่วประเทศ ส่วนความกังวลของร้านค้ากลัวว่าหากเข้าร่วมโครงการแล้วจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ขอยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการนำข้อมูลของผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการมาใช้ในการเรียกเก็บภาษี หรือดูว่ามีความผิดในเรื่องอะไรหรือไม่ เพราะในช่วงที่ผ่านมามีการนำร้านค้าหรือผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ รัฐไม่ได้ใช้ข้อมูลของเอกชนในการหาความผิดอะไร ส่วนผู้ลงทะเบียนรับเงิน 3,000 บาท จะไม่มีการเรียกเก็บเงินคืนในทุกกรณี ยกเว้นหากพบว่ามีการทำผิดวัตถุประสงค์ในการใช้เงิน หรือกระทำการทุจริตในทางใดทางหนึ่ง” สำหรับการเพิ่มวงเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเพิ่มเงินให้คนละ 1,500 บาท แบ่งเป็นเดือนละ 500 บาท 3 เดือนติดต่อกันจำนวน 14 ล้านคน ให้นำเงินส่วนนี้ไปใช้ในร้านค้าธงฟ้า โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ ส่วนนี้เป็นการเพิ่มวงเงินให้กับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว ปกติจะได้เงินช่วยเหลือประมาณ 200-300 บาท จะเพิ่มให้อีก 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะหมดในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค.63 แต่เพราะเป็นโครงการต่อเนื่อง จึงมีการขยายเวลาให้โครงการต่อไปในปี 2564ซึ่ง ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว