20 ก.ย.63 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานในพิธีเปิด สรรเพชญ พรีเมียร์คัพ 2020 แข่งขันฟุตซอล 7 คน ชิงเงินรางวัลรวม 200,000 บาท ในรุ่นประชาชนทั่วไป โดยมีนายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้ช่วยผู้ดำเนินงานนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน พร้อมด้วยนายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา คณะกรรมการจัดการแข่งขัน เจ้าหน้าที่ ผู้จัดการทีมและผู้เข้าร่วมแข่งขันร่วมในพิธีเปิด ที่สนามอารีน่าท่าข้าม ตำบลท่าข้าม อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ทั้งนี้นายสรรเพชญ บุญญามณี พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ได้เปิดทำการแข่งขัน สรรเพชญ พรีเมียร์คัพ 2020 มาทั้งหมด 4 รุ่น ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 12 ไม่เกิน15ปี รุ่นอายุไม่เกิน 18 และ ประชาชนทั่ว โดยครั้งนี้เป็นการเปิดการแข่งขันในรุ่นประชาชนทั่วไป ซึ่งมีทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมด 48 ทีม ทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 20-21 กันยายน 2563 ณ สนามอารีน่าท่าข้าม ชิงเงินรางวัล 250,000 บาทจากนายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้ช่วยผู้ดำเนินงานนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตซอล 7 คนในรายการ สรรเพชญ พรีเมียร์คัพ ณสนามหญ้าเทียมอารีน่าท่าข้าม ซึ่งได้จัดการแข่งขันมาจนถึงวันนี้ จึงมีความยินดีที่ได้มาเป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลสรรเพชญพรีเมียร์คัพในวันนี้อีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนหันมาเล่นกีฬามากขึ้น และทราบว่าทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันไม่มี การเก็บค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการเล่นกีฬามากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังได้เห็นคุณค่าและความสำคัญของการออกกำลังกาย รู้จักใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดเรียนให้เป็นประโยขน์ ห่างไกลจากยาเสพติดช่วย ชี้ให้เห็นถึงภัยของยาเสพติดที่ว่า เสียเหงื่อดีกว่าเสียน้ำตา เพราะยาเสพติด ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เล่นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ และสามารถเล่นกีฬาได้อย่างถูกต้องตาม กฏและกติกา รวมถึงการมีทักษะ และระเบียบวินัย ที่จะส่งเสริมให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สามารถนำไปสู่การเป็นกีฬาอาชีพได้ในอนาคต อีกทั้งยังใช้กีฬามาเป็นสื่อในการสร้างความผูกพัน เกิดความรัก ความสามัคคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวโดยใช้ฟุตบอล เป็นการสร้างสรรค์ ให้เยาวชนหันมาเล่นฟุตบอล ดังนั้นจึงอยากเห็นการเล่นกีฬาแบบนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อฝึกทักษะที่ดี และสร้างเยาวชนสู่ทีมชาติ หรือฟุตบอลอาชีพต่อไปในอนาคต ถึงแม้การแข่งขันจะมีแพ้และชนะก็ตาม จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกท่านว่า อย่าท้อถอย ถ้าหากแพ้ก็ขอให้ตั้งใจกลับไปฝึกฝนมาใหม่อีกครั้ง ส่วนคนที่ชนะขอแสดงความยินดี และให้มีการพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้นอีก เพื่อความเป็นเลิศในด้านกีฬาฟุตบอล สิ่งสำคัญก็คือ การที่เรารู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้กฎกติกา นี่คือสิ่งสำคัญของกีฬา และของวัตถุประสงค์ เพราะจะทำให้เรารู้จักกฎกติกาซึ่งจะเป็นการฝึกเราให้เป็นคนมีวินัยรู้กฎกติกาและระเบียบของประเทศต่อไปในภายภาคหน้า