เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงคนเสื้อแดงจำนวนมากมาร่วมชุมนุมกับขบวนการคนหนุ่มสาวในเพจเฟซบุ๊ก Peace News ว่า ตนก็อธิบายชัดเจนว่าในโลกนี้ไม่มีใครจะเจ็บปวดมากเท่ากับคนเสื้อแดงอีกแล้ว เพราะในการเหตุการณ์การล้อมปราบคนเสื้อแดงนั้นเป็นการกระทำที่อำมหิตกว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา ดังนั้นตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีนี้คนเสื้อแดงจะอยู่ความเจ็บปวดตลอด เมื่อมีการชุมนุมเรียกร้องใดๆก็ตาม และยิ่งได้ต่อสู้กับเผด็จการ ก็จะออกมาต่อสู้เพราะเขาได้พกความเจ็บปวดกันมายาวนาน อย่างไรก็ตาม คนเสื้อแดงที่คบค้าสมาคมมาด้วยกันนั้น เราเคารพในเสรีภาพซึ่งกันและกัน เราไม่ได้ขึ้นต่อกันในระบบสายการบังคับบัญชา แต่เป็นเรื่องของการอาสาสมัคร ต่างเป็นเสรีชนมีอิสระซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ต้องเล่าให้ฟังเพราะหากตนจะพูดเอาใจเด็กเยาวชนนั้นง่ายมาก เพราะเคยเป็นผู้นำนักศึกษามาก่อน วันนี้เราเดินทางมาไกล ซึ่งในการชุมนุมไม่ว่าปรากฎการณ์เต็มท้องถนน ยืดเยื้อยาวนาน แม้ว่าเคยต่อสู้มาถึงจุดสูงสุด จนกระทั่งจุดต่ำสุด และต้องมาสู้ใหม่ในสภาพที่แย่ที่สุด จึงเห็นทุกปรากฎการณ์และวันนี้ ผมก็ยังเป็นผมเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน แต่คนอื่นเปลี่ยนไป แล้วมามองว่าผมเปลี่ยนไป เพราะความเป็นจริงนั้นไม่มีเรื่องอะไรที่ผมจะรอดเเม้แต่คดีเดียว ดังนั้น ณ วันนี้ต้องเข้าใจว่า การต่อสู้ไม่ได้จบภายในวันเดียว หนทางนี้ยังยืดเยื้อยาวนาน และสิ่งสำคัญที่สุด ในการต่อสู้ตนพูดเสมอว่า ไม่ว่าใครในยุคใดสมัยใดหรือพวกใดก็ตาม เมื่อต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ไม่มีใครกลัวตายและทุกคนต่างรู้ดีว่ามันจะไม่จบแบบง่ายๆ ซึ่ง นายจตุพร กล่าวว่า การตัดสินใจอะไรก็ตามเราจะเเลเห็น และหากอะไรที่เป็นภัยเราก็จะส่งสัญญาณเตือนไปตามลำดับ เพราะหนทางการต่อสู้ครั้งนี้มีความละเอียดอ่อน และถัดจากวันนี้ไปก็จะเป็นเรื่องเตรียมการของแต่ละฝ่าย และจะวิวัฒนาการตามลำดับ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นปัญหา คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องบัตร 2 ใบ เรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. เหล่านี้ไม่ได้ง่าย ดังนั้นอย่าชะล่าใจ ไม่ว่าสูตรใดก็จะเป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไทยต้องคิดที่จะบริหารประเทศไทยอย่างไร แต่ภาระสำคัญคือความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย แต่ในทางปฏิบัติคนในรัฐบาลกระโดดหนีไปค่อนรัฐบาล บางคนคิดจะเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 โดยที่นายกรัฐมนตรีก็ไม่รู้ “วันนี้ผมหวังว่าในเหตุการณ์ต่างๆ รัฐบาลควรได้รับบทเรียนกันพอสมควรว่า การใช้หลักนิติศาสตร์มากกว่าหลักรัฐศาสตร์ทำให้คนเพิ่มปริมาณขึ้น ในขณะที่คนหนุ่มสาวต่อสู้เรื่องการคุกคาม แต่ที่ผ่านมากว่า 1 เดือนมีการออกหมายจับแล้วปล่อย เป็นข่าวมาตลอดระยะเวลา” โดย นายจตุพร ย้ำว่า ในครั้งนี้ก็เช่นกันที่กำลังแถลงบอกว่า ผิดมาตรานั้นมาตรานี้ ตนอยากบอกว่า ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่แล้วว่าการให้หลักนิติศาสตร์มากกว่าหลักรัฐศาสตร์ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาใดได้
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Peace News