ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ในสังกัด กก.4บก.ส.3 และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) ประจำการและเตรียมความพร้อม ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและมีการประชุมหารือเป็นระยะๆตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ โดยเมื่อช่วงบ่าย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เดินทางเข้ามาตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจภายในทำเนียบฯ โดยมีนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และ พล.ต.ท.สุรพล อยู่นุช ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.) ประสานงานทำเนียบฯ พูดคุย จากนั้นเวลา 17.20 น. พล.ต.ท.สุรพล เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดในการดูแลพื้นที่บริเวณทำเนียบฯว่า สถานการณ์ในขณะนี้โดยภาพรวมยังเป็นปกติ ทุกอย่างเรียบร้อยเป็นปกติดี และยังไม่มีรายงานว่าจะมีเหตุแทรกซ้อนอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ต.ท.ภัคพงศ์  พงษ์เภตรา ผบช.น. เข้ามาตรวจเยี่ยมภายในทำเนียบฯ พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า ผบช.น.มาประสานงานกัน พร้อมสอบถามว่าขาดเหลืออะไรหรือไม่ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ต่อมาเวลา 18.00 น. หลังเคารพธงชาติ ได้มีการซ้อมแผนของตำรวจนครบาลที่ประจำการอยู่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ซึ่งคาดว่าจะเป็นการสับเปลี่ยนกำลัง โดยได้เคลื่อนขบวนรถตู้ ประมาณ 10 คันรถ พร้อมรถผู้ต้องขัง ที่ภายในบรรจุโล่ตำรวจไว้เต็มคันรถออกจากจุดดังกล่าว ในส่วนของทำเนียบฯ บริเวณประตู 4 ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ต้านโกง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นอกจากปิดประตูรั้วอย่างแน่นหนาแล้ว ได้มีการนำรถน้ำของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ไปปิดช่องทางไว้อีกชั้นหนึ่ง ขณะบริเวณพื้นที่รอบนอกทำเนียบฯได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลประจำจุดโดยรอบ และมีการวางกำลังต่างๆไว้บริเวณถนนราชดำเนินนอก โดยเฉพาะจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กพร้อมไฟและกำลังเจ้าหน้าที่ ปิดถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐไปจนถึงแยกมิสกวัน เพื่อไม่ให้มีการสัญจรอย่างเด็ดขาด แต่ในส่วนของถนนราชดำเนินนอกยังไม่มีการปิดการจราจร ส่วนบริเวณหน้ากองทัพภาคที่ 1 ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารในการดูแลความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบ เช่นเดียวกับบริเวณกองบัญชาการตำรวจนครบาล และหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ได้มีรถตู้พร้อมกำลังตำรวจตรึงพื้นที่อย่างหนาแน่น ขณะที่แยกต่างๆซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญ ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ประจำทุกจุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการปิดถนน พิษณุโลกจากแยกพาณิชยการ สะพานชมัยมารุเชษ ไปจนถึงแยกมิสกวันไปเมื่อเวลา 18.30 น.ไปนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น.ได้กลับมาเปิดการจราจรให้สัญจรได้ตามปกติ