ในช่วงภาวะวิกฤติที่ราคายางต่ำลง เกษตรกรชาวสวนยางมากมายต่างดิ้นรนเพื่อประกอบอาชีพเสริมกันทุกวี่วัน การทำอาชีพเสริมของชาวสวนยางโดยทั่วไปนั้น ก็จะเป็นการปลูกพืชแซม ประเภทไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผักสมุนไพร การทำปศุสัตว์ หรือการประมง ควบคู่ไปเพื่อเพิ่มรายได้อยู่เลี้ยงปากท้องของตนและครอบครัว ในขณะเดียวกัน การจะประกอบอาชีพเสริมนั้นก็จำเป็นจะต้องอาศัยทุนในการริเริ่มดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัจจัยหลักตรงนี้เอง ที่เป็นอุปสรรคทำให้เกษตรกรชาวสวนยางไม่สามารถประกอบอาชีพเสริมได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งการยางแห่งประเทศไทย หรือกยท. ก็ได้เล็งเห็นถึงประเด็นปัญหาตรงส่วนนี้ จึงได้จัดให้มีสวัสดิการเพื่อมาสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง ที่มีความคิดจะประกอบอาชีพเสริมให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรสวนยางกับทางกยท. เงินทุนกู้ยืมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง ในวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพเสริมของเกษตรกรชาวสวนยาง ทางการยางไทยหรือ กยท. มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเป็นข้อกำหนดบังคับ ดังต่อไปนี้ 1.วงเงินกู้ยืม ผู้ว่าการกำหนดวงเงินให้กู้ยืมสูงสุดในแต่ละวัตถุประสงค์ ตามยอดเงินคงเหลือและจำนวนเงินสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับการจัดสรรแต่ละปี รายละไม่เกิน 50,000 บาท โดยผู้ว่าการหรือผู้ที่ผู้ว่าการมอบหมายมีอำนาจในการพิจารณาจัดลำดับความจำเป็นก่อนหลังของคำขอกู้ได้ มีอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลาชำระไม่เกิน 2 ปี 2.คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์กู้ยืมเงิน 1. เป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย2. มีความขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพและประพฤติตนเรียบร้อยตามระเบียบข้อบังคับ 3. ยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข และข้อกำหนดในหลักเกณฑ์และวิธีการที่การยางแห่งประเทศไทยกำหนด 3.การขอรับเงินทุนกู้ยืมให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ประสงค์ขอกู้ยืมเงิน ยื่นหนังสือคำขอกู้ต่อพนักงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ตามแบบ งสก.1 (เงินสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง 1) พร้อมเอกสาร ดังนี้3.1 โครงการ/แผนงาน (กรณีกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพเสริม)3.2 สำเนาบัตรประชาชนของผู้กู้/ผู้ค้ำประกัน3.3 หลักฐานการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง3.4 หนังสือมอบอำนาจกรณีมอบหมายให้ผู้อื่นมายื่นแทน นายชลอ แก้วหนู ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เกษตรกรชาวสานยางที่ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยางไว้กับการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. ได้รับสวัสดิการในส่วนของเงินกู้ยืมเพื่ออาชีพเสริมจำนวน 50,000 บาท ซึ่งนายชลอ แก้วหนู ได้กล่าวไว้ถึงสาเหตุที่ตนหันมาหารายได้จากการประกอบอาชีพเสริมว่า “เมื่อถึงวันหนึ่งในช่วงที่ยางพารานั้นมีราคาต่ำลง จึงมีความคิดที่จะทำอาชีพเสริม และอาชีพเสริมที่ว่านั่นก็คือ การเย็บตับสิเหรง ซึ่งเงินทุนที่จะนำมาเริ่มขยับขยายในส่วนของอาชีพเสริมนั้นมีไม่เพียงพอ จึงได้ทำการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาประกอบอาชีพเสริม เนื่องจากได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยางไว้กับทาง กยท.” โดยนายชลอ แก้วหนู ได้นำเงินส่วนนี้มาหมุนเวียนเป็นทุนในการซื้อวัตถุดิบต่างๆ ทั้งใบสิเหรง ไม้ไผ่ และตะปู เมื่อทำแล้วจำหน่ายออกไปเรื่อยๆ ก็ได้เงินตรงส่วนนี้ส่งทยอยคืนกับทางกยท.จนหมด โดยใช้เวลาแค่เพียงไม่นาน นายชลอ แก้วหนู ยังได้กล่าวอีกว่า“คิดว่าเงินส่วนนี้ช่วยเหลือผมได้มากพอสมควร อย่างน้อยๆ คือในเรื่องของดอกเบี้ยที่ค่อนข้างจะต่ำ ไม่ต้องไปเสียเงินมากมายในการจ่ายค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืมนอกระบบ และยังได้บรรเทาภาระทางครอบครัวอีกด้วย” “สำหรับโครงการดังกล่าวที่กยท.สนับสนุนให้กับเกษตรกรนั้นดีมาก เป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้มีอาชีพเสริม ส่วนตัวอยากให้ส่งเสริมอีกต่อๆ ไป” นายสุชล ทองสังข์ เกษตรกรชาวสวนยาง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ได้ทำการขึ้นทะเบียนไว้กับทาง กยท.เมื่อปีพ.ศ. 2560 ได้รับสวัสดิการในส่วนของเงินกู้ยืมเพื่ออาชีพเสริม เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ซึ่งกู้ยืมในระยะเวลา 2 ปีส่งคืนในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 นายสุชล ทองสังข์ ได้นำเงินกู้ยืมในส่วนนี้มาใช้ในการซื้อแม่พันธุ์วัวมาเป็นจำนวน 2 ตัว และยังได้สร้างโรงเรือนสำหรับการเลี้ยงวัวเพิ่มเติม หลังจากการเลี้ยงวัวและทำการจำหน่ายออกไป เงินตรงส่วนนี้ก็นำมาซื้อแพะต่อ รวมทั้งสร้างโรงเรือนอีก นายสุชล ทองสังข์ กล่าวว่า “ผมได้ชำระเงินคืนทางกยท.ไปแล้ว 2 งวด งวดแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 และงวดที่สองล่าสุดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563 โดยแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด จำนวนงวดละหนึ่งหมื่นกว่าบาท” นายสุชล ทองสังข์ ยังได้กล่าวอีกว่า “ในส่วนของเงินกู้ยืมที่ได้รับจากทางกยท.ตรงนี้ มีประโยชน์กับตัวเกษตรกรที่ยังไม่มีเงินทุน และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพเสริมเป็นอย่างมาก”