ขยับเต็มรูปแบบในการขับเคลื่อนเม็ดเงินหลักจากการท่องเที่ยว หลังจากที่ผ่านมาการท่องเที่ยวของไทยแทบจะล้มละลายในหลายพื้นที่ แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นด้วยการส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวในประเทศมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เป็นผลเพราะคนไทยเองก็ไม่มีเงินที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวกันมากนัก ส่งผลให้เมื่อเร็วๆนี้ “สมาคมโรงแรมไทย” (ทีเอชเอ) นำโดย “มาริสา สุโกศล หนุนภักดี” นายกสมาคมโรงแรมไทย นำทีมบุกทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยเหลือธุรกิจก่อนที่ต้อง “ปลดพนักงานเพิ่ม และปิดกิจการถาวร” ทั้งนี้ให้เหตุผลว่า การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ยังไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ถึงกลางปี 64 จะทำให้เงินหมุนเวียนของธุรกิจลดลง ทั้งนี้สมาคมโรงแรมไทยขอให้รัฐบาลสนับสนุน 1.มาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง อาทิ ค่าจ้างงาน ค่าสาธารณูปโภค รักษาการจ้างงาน ,2.เปิดประเทศรับชาวต่างชาติเฉพาะกลุ่มมากขึ้นอาทิ กลุ่มเกษียณ ที่สามารถพำนักในไทยได้ 1-2 ปี นักธุรกิจ นักลงทุนต่างชาติที่มีกิจกรรมเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย,ให้นักธุรกิจและนักลงทุนที่ต้องการเดินทางมาประชุม หรือเจรจาธุรกิจระยะสั้นน้อยกว่า 14 วัน สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ โดยมีผลตรวจปลอดโควิด-19 ก่อนเข้าไทย และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศที่ควบคุมการระบาดดีเช่น ไต้หวัน เวียดนาม ลาว กัมพูชา และบางส่วนของจีน และ3.กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ คือ ขยายเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยเพิ่มเงินสนับสนุนจาก 40% เป็น 50% ในวันเสาร์-อาทิตย์ และ 60% ในวันธรรมดา สอดรับกับที่ทาง “นายยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า โรงแรมในภาพรวมยังไม่ได้กลับมาเปิดทั้งหมด ทำให้พนักงานไม่ได้ทำงาน และมองว่าการกลับมาเปิดโรงแรมตามปกติทั่วประเทศยังทำได้ยาก โดยเฉพาะโรงแรมที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก อาทิ จังหวัดภูเก็ต สมุย เนื่องจากประเทศไทยยังไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ขณะเดียวกันตลาดไทยเที่ยวไทย ก็มีจำนวนไม่มากพอที่จะสามารถทดแทนตลาดต่างชาติที่หายไปได้ ซึ่งโอกาสที่จะเห็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยตกงานอย่างถาวรมีมากขึ้น ล่าสุดรัฐบาลออกมารับลูกไฟเขียวให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ตามหลักเกณฑ์ควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ดังนี้ 1. เป็นบุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาว (Long Stay)ภายในประเทศไทย ,2. ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพัก14 วัน (ALSQ) และ3. มีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่ หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก (AHQ)ภายในประเทศไทย และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ "นักท่องเที่ยวผ่านการควบคุมแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด มีสิทธิขอรับการตรวจ ลงตราประเภทนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ STV โดยเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 2,000 บาท ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 90 วัน เมื่อครบกำหนดเวลาอนุญาต 90 วันให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 90 วัน โดยต้องยื่นคำขอตามแบบ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.64” ทั้งนี้ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท เมื่อเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศขาดรายได้และได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วน รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาพำนักระยะยาวภายในประเทศไทย ในพื้นที่ปิดที่สามารถ ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ขณะที่ภาคเอกชนออกแรงหนุนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่ง “นายกลินท์ สารสิน” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้เหตุผลว่า เห็นด้วยหากรัฐบาลจะพิจารณาเปิดรับคนต่างชาติเข้าประเทศ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความเคลื่อนไหว แต่จะต้องพิจารณาในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่ำ และจำกัดพื้นที่ให้มีการทำกิจกรรมอย่างเหมาะสม โดยควรเริ่มจากกลุ่มนักธุรกิจ เพราะมีกิจกรรมและสถานที่พักในการเข้าประเทศที่ชัดเจน จากนั้นเป็นกลุ่ม Health and Wellness แล้วค่อยพิจารณากลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะเดียวกัน ควรมีการพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการรับนักท่องเที่ยว โดยอาจต้องทดลองเปิดรับในบางจังหวัดก่อน เช่น จังหวัดภูเก็ต หรือเกาะสมุย มีการวางแผนจัดกิจกรรมให้เหมาะสม ไม่ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่กักกัน แต่จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยด้วย นอกจากนี้ควรเร่งรัดการตรวจสอบเพื่อรับรองโรงแรมที่สมัครเข้าร่วมเป็นสถานที่ในการกักตัวของภาครัฐ หรือ Alternative State Quarantine (ASQ) ให้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้มีสถานที่กักตัวเพียงพอกับความต้องการของคนที่จะเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรสุดท้าย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกมาเตือนถึงการออกวีซ่านักท่องเที่ยวแบบใหม่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาวว่า ต้องมีการหารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค. อีกครั้ง และยังต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วน สิ่งสำคัญจะต้องมีการกักตัวตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะคนกลุ่มนี้เขาอยู่ยาว เนื่องจากมาในเรื่องการท่องเที่ยวและสุขภาพ ซึ่งสามารถอยู่ในสถานที่กักตัวทั้งในสถานที่ที่รัฐจัดให้ หรือสถานที่ที่เขาเลือก หรือในระบบโรงพยาบาล ขอให้ทุกคนช่วยกันประชาสัมพันธ์สิ่งที่ควรจะเป็นให้มีความไว้วางใจ ซึ่งระบบสาธารณสุขของเราถือว่าดีที่สุดในโลก อยู่ในระดับต้น ๆต้องมั่นใจตรงนี้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ความร่วมมือ ตรวจสอบติดตาม คัดกรอง "ที่สำคัญการ์ดอย่าตก หลายกิจกรรมที่เราผ่อนคลาย ตอนยังไม่ผ่อนคลายก็ขอร้องรัฐบาล พอคลายล็อกก็เริ่มคลายความเข้มงวดลงไป ถือว่าอันตราย ถ้าไม่สามารถทำตามมาตรการได้ก็อย่ามาโทษรัฐบาล" เป็นการวัดดวงครั้งสำคัญภายใต้สถานะการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจะรุ่ง หรือล่วง! รายได้ปากท้องชาวบ้าน กับ ความปลอดภัยของคนในประเทศ!?! โอกาสแบบนี้มีเพียงครั้งเดียว!!!