อลิอันซ์ อยุธยา โชว์ผลประกอบการสุดแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี2559โกยเบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกช่องทาง 1.45 หมื่นล้านบาท เติบโต9.3% ขณะที่เบี้ยประกันรับภัยปีแรก แตะ 2.9 พันล้านบาท เติบโต 14.2% ตั้งเป้าขึ้นแท่นเป็นที่1ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ และพิชิตเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมที่3.1หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิตเปิดเผยว่า“ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 อลิอันซ์ อยุธยา สามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกช่องทางแตะ1.45 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น9.3%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่สุด มียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น6.4พันล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์เติบโตต่อเนื่องสร้างยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมถึง4.7พันล้านบาท ส่วนช่องทางการตลาดขายตรง ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่2.4 พันล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกก็เช่นกัน รวมจากทุกช่องทาง แตะ2.9พันล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น14.2%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่องทางตัวแทนสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกได้837ล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์เติบโตก้าวกระโดด ทำยอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแตะ1.1 พันล้านบาท ขณะที่ช่องทางการตลาดขายตรงยังครองแชมป์ยอดเบี้ยสูงสุดในตลาดจากช่องทางนี้ติดต่อกันต่อเนื่อง ด้วยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกอยู่ที่606ล้านบาท “อลิอันซ์ อยุธยา มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากในการมุ่งสู่ตำแหน่งผู้นำด้านผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ซึ่งจากโครงสร้างประชากรไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ค่ารักษาพยาบาลที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเกิดขึ้นของโรคร้ายต่างๆ ที่มีเพิ่มมากขึ้น ผนวกกับอัตราการเข้าถึงการประกันชีวิตที่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราหันมามุ่งเน้นให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ด้านคุ้มครองชีวิตและสุขภาพตั้งแต่หลายปีก่อน จนมาถึงปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่า เราเดินมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการณ์ปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับที่ต่ำมากๆ ตอกย้ำให้เห็นว่า อลิอันซ์ อยุธยา ยังคงมีสถานภาพที่แข็งแกร่ง และเราก็ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ” นายสมิธ กล่าว ด้านกลุ่มอลิอันซ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 2559 ด้วยผลประกอบการที่ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะตลาดที่ยากลำบากและความพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุน โดยที่ผลกำไรของกลุ่มอลิอันซ์ได้รับผลกระทบจากค่าสินไหมทดแทนจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งรุนแรงขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงความสูญเสียจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องจากสภาพอากาศ และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลงเนื่องจากสภาพตลาดที่มีความผันผวนสูงนั่นเอง อย่างไรก็ตามกลุ่มอลิอันซ์ยังถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่เน้นใช้ทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การที่รายได้รวมของบริษัทลดลงก็จริง แต่กลับสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มธุรกิจใหม่ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์สามารถทำผลงานได้ตามความคาดหมาย โดยมีมูลค่าสินทรัพย์บุคคลที่สามปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลา ณ สิ้นปี 2558 “อลิอันซ์กำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่องค์กรที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น มีการใช้เงินทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะทำผลกำไรให้สูงขึ้น ทั้งนี้ เรากำลังดำเนินการเรื่องเหล่านี้ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากทีเดียว ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่สองของปีนี้เห็นได้ชัดว่าได้รับผลกระทบอย่างมากจากความเสียหายที่รุนแรงขึ้นจากอุทกภัยและวาตภัยครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นในยุโรปในฤดูใบไม้ผลิ แต่เราก็มีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือลูกค้าของเราในเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น” นายโอลิเวอร์ เบท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อลิอันซ์ เอสอี กล่าว ผลกำไรจากการดำเนินงานสำหรับครึ่งแรกของปี 2559 ลดลง 10.3% มาอยู่ที่ 5.1 พันล้านยูโร (ประมาณ 2 แสนล้านบาท) ซึ่งผลกำไรที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้นมากจากภัยพิบัติธรรมชาติและระดับของรายได้ของปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับที่สูงมาก เนื่องจากมีกำไรสุทธิจากการขายธุรกิจประกันภัยส่วนบุคคลFireman’s Fundไป ขณะที่ผลกำไรที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานได้รับผลกระทบหลักๆ จากการประกาศขายธุรกิจในเกาหลีใต้ รายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 4.7 มาอยู่ที่6.48 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.56 ล้านล้านบาท ) สรุปโดยรวมแล้ว กำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นลดลงร้อยละ14.5มาอยู่ที่ 3.3 พันล้านยูโร (1.3 แสนล้านบาท) อัตราส่วนโครงสร้างเงินทุนภายใต้ Solvency II ยังคงทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 186 ณ สิ้นไตรมาสที่สอง ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับช่วง ณ สิ้นไตรมาสแรก สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มอลิอันซ์ยังคงมีสภาพคล่องสูง แม้จะอยู่ในภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก “แม้ว่าจะมีอุปสรรคจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือความวุ่นวายที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ในตลาดทุนเกิดขึ้นก็ตาม เราก็ยังยืนยันว่าเราจะสามารถพิชิตเป้าหมายผลกำไรจากการดำเนินงาน 1.05 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 4.1 แสนล้านบาท) บวกลบ 500 ล้านยูโร (ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท) ภายในปีนี้ให้ได้ เพราะเรายังมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งเรายังขึ้นชื่อในเรื่องการบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะส่งผลให้เราสามารถยืนหยัดได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ตลาดผันผวนอย่างรุนแรงขึ้น” นายโอลิเวอร์ เบท กล่าวทิ้งท้าย