เปิดร่างพ.ร.บ.งบฯ64 "มหาดไทย" ได้งบเพิ่ม 10,656 ล้านบาท "ฝ่ายค้าน"เตรียมขุนพลรุมชำแหล่ะวันนี้ "สุทิน" ปัดฝ่ายค้านปลอมลายเซ็นญัตติแก้ รธน. รับอาจมีปัญหาบางญัตติ "บิ๊กตู่" โยนสภาแก้รธน.รายมาตรา ไม่ขัดใช้งบหมื่นล้านทำประชามติ ย้ำ"รัฐบาล-จนท." เลี่ยงเผชิญหน้าม็อบชุมนุม 19 ก.ย.นี้ หวั่นโซเชียลปลุกระดมทำบ้านเมืองไม่สงบ "บิ๊กป้อม" ย้ำไม่มีเขย่าเก้าอี้รมต.ใน"พปชร."ยัน"บิ๊กตู่" เป็นคนเลือก "ครม."เคาะ"บิ๊กเล็ก" นั่งเลขาฯ สมช.คนใหม่ ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 15 ก.ย.63ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 3.3 ล้านล้านบาท ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฯ ดำเนินการแล้วเสร็จ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ วาระ2และวาระ3ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ทาง กมธ.ได้พิจารณาปรับลดงบประมาณจากที่เสนอขอทั้งสิ้น 3.3 ล้านล้านบาท เหลือเพียงย 3.285 ล้านล้านบาท โดยได้ปรับลดวงเงินที่เสนอขอรวม 1.6 หมื่นล้านบาท โดยหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น ได้แก่กระทรวงมหาดไทย แม้จะถูกปรับลดตามมติของกมธ.ฯ จำนวน 3,863 ล้านบาท แต่ได้รับพิจารณาจัดงบเพิ่มเติมจำนวน 10,656 ล้านบาทให้กับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แบ่งเป็นโครงการเบี้ยผู้สูงอายุ จำนวน 588 ล้านบาท โครงการเบี้ยผู้ด้อยโอกาส จำนวน 5.1แสนบาท และโครงการเพิ่มศักยภาพท้องถิ่นสู่การกระจายอำนาจ วงเงิน 10,067 ล้านบาท ทำให้ปีงบประมาณ 64 ได้รับงบจัดสรรเพิ่มขึ้น เป็น 268,501 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 261,708 ล้านบาท และ หน่วยงานศาล ปรับลด จำนวน 35 ล้านบาท แต่ได้รับจัดสรรเพิ่ม ส่วนของ ศาลยุติธรรม จำนวน 509 ล้านบาท ได้งบเพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 9,057 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 8,583 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่ได้รับงบเพิ่มเติม ได้แก่ ส่วนของแผนงานบุคลากรภาครัฐ จำนวน 5,679 ล้านบาท โดยมีรายการสำคัญ คือ เป็นค่าตอบแทนของ บุคลกรในหน่วยงานสาธารณสุข และจัดสรรให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จำนวน 1,083 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของงบที่จัดให้เพิ่มเติมเพื่อจ่ายเป็นสวัสดิการของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส รายการเบี้ยต่างๆ รวม10,656 ล้านบาท และเมื่อรวมกับเบี้ยค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุข ในแผนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 5,679 ล้านบาท ทำให้มีงบส่วนดังกล่าว16,335 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการเสนองบฯ ที่ไม่พบการปรับลด หรือเปลี่ยนแปลง อาทิ งบกลาง วงเงิน 6.14 แสนล้านบาท ทั้งนี้ต้องจับตาการอภิปรายของส.ส.ซึ่งตามรายงานของกมธ. ฯ ระบุว่ามีกมธ.ได้สงวนความเห็นไว้ทั้งสิ้น 36 คน และมีส.ส.สงวนคำแปรญัตติทั้งสิ้น 182 คน ด้าน นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ว่า ยังมีหลายประเด็นที่ ส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติไว้ยังติดใจ เพราะการปรับแก้ของกมธ.ยังไม่สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ที่แม้จะตัดงบเรือดำน้ำออกไปแล้ว แต่ก็ยังมีงบประมาณส่วนอื่นที่ยังสามารถตัดออกได้อีก และงบของกระทรวงคมนาคม ที่เน้นแต่การสร้างถนนต่าง ๆ และยังถูกตัดลดงบประมาณน้อย ส่วนทิศทางการลงมติในวาระที่ 3 จะเห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายหรือไม่นั้น จะต้องรอฟังการพิจารณาในสภาฯก่อน โดยฝ่ายค้านจะนัดหารือในวันสุดท้าย ของการอภิปราย เพื่อกำหนดทิศทางการลงมติต่อไป นายสุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เปิดเผยญัตติของฝ่ายค้านอาจมีปัญหา โดย 3 ญัตติ มีลายเซ็นส.ส.ที่เข้าชื่อบางคนไม่ตรงกันว่า ขอยันยันว่าส.ส.ฝ่ายค้านไม่มีการปลอมลายเซ็นแน่นอน เพราะระมัดระวังในเรื่องนี้มาก เนื่อง จากเคยมีปัญหามาแล้วในอดีต เพียงแต่ประธานรัฐสภา อาจมีเหตุสงสัยบ้างตามขั้นตอน การตรวจสอบความถูกต้อง แต่ไม่ได้ถือเป็นจุดพิรุธ "เรายังมั่นใจว่าในการพิจารณาญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในที่ประชุมรัฐสภา 23-24 ก.ย.นี้ จะสามารถพิจารณาทั้ง 4 ญัตติที่มีปัญหาได้ทัน แต่หากจะมีปัญหา ก็น่าจะแค่บางญัตติเท่านั้น" ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงประเด็นและรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้มีความเห็นต่างทั้งเรื่องการแก้ไขรายมาตรา ระบบเลือกตั้ง หรือการเลือกนายกฯว่า เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นกระบวนการในสภา ตนเองไม่ได้มีข้อขัดข้องแต่ประการใด ขอให้เป็นการหารือ ซึ่งได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการศึกษารายละเอียดกันแล้ว มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านเยอะแยะไปหมด รัฐบาลก็ติดตามในเรื่องนี้อยู่ หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญหากมีการทำประชามติอาจต้องใช้จ่ายงบประมาณสูงถึง 15,000 ล้านบาท จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นได้ยากหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การใช้จ่ายงบประมาณมีเหตุผลสำคัญคือต้องใช้ ถ้าจำเป็นจะต้องทำประชามติก็ต้องหางบประมาณมาดำเนินการ ซึ่งพวกท่านก็ทราบดีว่าเรากำลังมีปัญหาเรื่องงบประมาณอยู่ แต่ตนไม่ได้ขัดข้อง ก็แล้วแต่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงแนวทางของรัฐบาลในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ในการชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. ว่า รัฐบาลหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว รวมทั้งฝ่ายความมั่นคง พลเรือน ตำรวจและทหารต่างหลีกเลี่ยง ส่วนใครไม่หลีกเลี่ยงก็ต้องไปหามา รวมทั้งการป้องกันมือที่ 3 หรือมือที่ 4 ซึ่งสื่อมวลชนเองก็ทราบดีที่ถามมาก็มีคำตอบอยู่แล้ว โดยรัฐบาลยืนยันในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักและทำให้การบริหาร ราชการในช่วงนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี "ผมเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมอะไรก็แล้วแต่ วันนี้มีหลายอย่างที่มันแพร่อยู่ตามสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งทุกคนก็ต้องเช็คก่อนแชร์ก่อนส่งต่อไปที่อื่นหรือไปขยายความ ซึ่งบางทีก็มีคนไม่หวังดีไปใช้ตรงนั้นในการปลุกระดมพล ปลุกปั่นขึ้นมา ผมถามว่าถ้าบ้านเมืองไม่สงบแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ตัวผมเองไม่ห่วงอยู่แล้วว่าจะอยู่หรือจะไป แต่เป็นห่วงว่ารัฐบาลจะอยู่ตรงไหนหลายๆอย่างที่เป็นกลไก ที่จะไปแก้ปัญหาไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอะไรก็แล้วแต่ใครจะทำ ก็ไปดูตรงโน้น ดังนั้นอย่ากดดันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนช่วยกันประคับประคองสถาน การณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี " ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวจะมีการสลับเก้าอี้รัฐมนตรีว่า ไม่มี และนายกฯจะเป็นผู้ตัดสินใจ โดยยืนยันว่าตนจะไม่เสนอใคร และจะไม่มีการเคลื่อนไหวเขย่าตำแหน่งภายในพรรค พปชร. ส่วนกระแสข่าวที่มีการปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ก็ไม่ทราบว่าใครปล่อย และที่ผ่านมาไม่มีใครเคยมาคุยกับตน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผบ.ทบ. เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) คนใหม่ แทน พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยเป็นการพิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่ สมช.เสนอ