วันที่ 15 ก.ย.63 ที่ จ.สิงห์บุรี พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย. ญาญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.วัชระ. ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.อดิศ. เจริญสวัสดิ์ พ.ต.อ.ธีรเดช. ธรรมสุธีร์ พ.ต.อ.ธีระ. ทองระยับ รอง ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.กฤษฎา. ศรีอีสาน ผกก.2 บก.ปส.3 และ พ.ต.อ.สหัส. ใจเย็น ผกก.ปพ.บช.ปส.นำกำลังสยบไพรี ,บก.ปส.3 และจนท.สำนักงาน ปปส. ปปง. ตำรวจ ภูธรภาค 1 ทหาร ฝ่ายปกครองบูรณาการการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามแผนสยบไพรี 63/19 “ปิดฉากเครือข่ายจูน บ่อดิน” โดยจับกุมตัว นายแก้ว แซ่ซุ่ง อยู่่บ้านเลขที่ 39/2 ม.5 ต.ในคลิงบางกรด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ทำหน้าที่ส่งยาเสพติดให้จูนบ่อดิน ในข้อหาร่วมกันครอบครอง สมคบฯ ตาม พรบ.มาตราการฯ โดยจับกุมได้ที่ถนนลาดพร้าว แขวง-เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2563 และจับกุมบุคคลตามหมายจับศาลอาญา และจับกุมบุคคลตามหมายจับตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ อีกจำนวน 14 ราย,จับกุมบุคคลตามหมายจับตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 อีกจำนวน 5 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางยาเสพติดพร้อมยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินพ.ศ.2542 รถยนต์,รถจักรยานยนต์,โทรศัพท์มือถือ,บัญชีเงินฝาก,อาวุธปืนยาว,และเงินสด พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า สืบเนื่องจากการสืบสวนจับกุม น.ส.ดิศรัตน์ หรือดรีม โชคกิจ และ น.ส.พัทธมน ดีอ้น พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 120,000 เม็ด เมื่อปี 2560 ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่าได้รับยาเสพติดมาจากนายจิตพันธ์หรือจูน มีเมือง เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี และใกล้เคียง โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับนายจิตพันธ์ หรือ(จูน) มีเมือง ข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟ ตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”ตามหมายจับศาลอาญาที่ 75/2561 ลง 15 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์เรื่อยมา จนกระทั่งในวันที่ 14 มิถุนายน 2563 สามารถจับกุมนายจิตพันธ์ หรือจูน มีเมือง ที่บริเวณสี่แยกไหสี่หู ต.ไม้ดัด อ.เมือง จ.สิงห์บุรี พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายจิตพันธ์ จำนวน 3 เครื่อง จากการสืบสวนขยายผลททราบว่านายจิตพันธ์ เป็นกลุ่มนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี มีพฤติการณ์ร่วมกับพวกรับยาเสพติดจำนวนมากจากกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทางภาคเหนือมาเก็บพักคอยไว้ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี เพื่อรอจำหน่ายและกระจายให้กับลูกค้า ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มนาย  จิตพันธ์ฯ จะใช้รถยนต์ตู้บรรทุก หมายเลขทะเบียน บต 3665 สิงห์บุรี และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า  สีขาว หมายเลข ทะเบียน 3กฐ 1075 กทม. ที่เชื่อว่าซุกซ่อนยาเสพติด มาจอดที่ร้านรับฝากรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางมัน อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เป็นประจำครั้งละหลายวัน และจะมีกลุ่มวัยรุ่นมารวมตัวที่บริเวณที่จอดรถยนต์ทั้ง 2 คัน เป็นจำนวนมากและต่อเนื่องลักษณะผิดปกติ ซึ่งจากการตรวจสอบพบรถยนต์ตู้บรรทุกหมายเลขทะเบียน บต 3665 สิงห์บุรี จอดอยู่ภายในช่อง จอดที่ 57 ของร้านรับฝากรถดังกล่าว พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 5,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในห้อง โดยสารของรถยนต์ตู้บรรทุกหมายเลขทะเบียน บต 3665 สิงห์บุรี ที่ดัดแปลงโดยการถอดเบาะโดยสารด้านหลังออก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่านายจิตพันธ์ ติดต่อเรื่องยาเสพติดผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ซื้อขายยาเสพติด มากระจายในหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางโดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี และจ.ลพบุรี ซึ่งเครือข่ายดังหกล่าวมีพฤัตติกรรมลักษณะมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ต่อเนื่องกัน  เกี่ยวข้องกับเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญที่ได้รับประโยชน์จากการค้ายาเสพติด อีกทั้งปรากฏข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงในหลายพื้นที่ และมีพฤติการณ์อาจมีความผิดเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2534 จนกระทั่งกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จึงได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ข้างต้น เข้าจับกุม ตรวจจค้น ยึดทรัพย์ ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี และชัยนาท จำนวน 34 จุดตรวจค้น รวมราคาทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งสิ้นประมาณ 80 ล้านบาท พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวอีกว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 พร้อมด้วยชุดสยบไพรี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับกุมนายพรเทพ พู่เจริญวนิชย์ หรืออดีตพระพรเทพ อายุ 30 ปีอยู่ที่ 1384/1 ตำบลบางพุทรา อำเภอเมือง สิงห์บุรีในข้อหาสบคม และช่วยเหลือฯ โดยจับกุมตัวได้ขณะที่หลบหนีมาบวช เป็นพระโดยชุดปฏิบัติการเข้าทำกาจับกุมตัวได้ขณะออกบิณฑบาตร ที่ถนนในหมู่บ้าน 1 ต.บางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี นำตัวส่งเจ้าอาวาสทำการลาสิขาบท เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป นอกจากนีเ้้้ชุดปฏิบัติการได้บุกเข้าทำการจับกุมนายอานนท์ กิรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด กลางไร่ข้าวโพด ห่างจากบ้านพักที่ผู้ต้องหาอยู่เกือบ1 กิโลเมตร โดยก่อนหน้าทีชุดปฏิบัติการจะมาถึง บ้านพักพบว่าประตูบ้านถูกล็อคจากข้างนอก เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบพัดลมยังคงเปิดอยู่ส่วนผู้ต้องหาวิ่งหนีออกไปได้ไม่นาน ชุดสยบไพรีจึงนำโดรนขึ้นบินจนพบว่านายอานนท์ ผู้ต้องหาวิ่งหลบหนีไปอยู่ในไร่ข้าวโพด ทิ้งรองเท้าเเตะสีเขียวกระจัดกระจาย หลบหนีไปเกือบ1กิโลเมตร สุดท้ายถูกจับตัวไว้ได้ จากการสอบสนนายอานนท์ เบื้องต้นให้การว่ารู้จักกับจูน บ่อดิน จริง แต่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยอมรับว่าจูน บ่อดิน เคยไหว้วานให้ไปโอนเงินผ่านตู้ธนาคาจำนวนหลักหมื่นบาท สาเหตุที่ต้องหนีเพราะคนที่ร้านอาหารโทรศัพท์มาบอกว่าตำรวจมาหาด้วยความตกใจ จึงหนีไว้ก่อน อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนมีข้อมูลว่านายอานนท์ เป็นมือขวาหรือ ลูกน้องคนสนิทของนายจิตพันธ์ มีเมือง หรือ จูน บ่อดิน ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางโดยเฉพาะจ.สิงห์บุรี เเละลพบุรี ที่มีฉากหน้าขุดบ่อดิน เเละเปิดร้านอาหาร ซึ่งถูกจับไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบเงินหมุนเวียนเครือข่ายนี้กว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้นายอานนท์ยังมีพฤติกรรมต้องสงสัยขณะที่ผู้ต้องหาวิ่งหลบหนีการจับกุมได้โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งเข้าไปในไร่ข้าวโพด ตำรวจจึงช่วยกันค้นหาประมาณ 1 ชั่วโมง เจอโทรศัพท์มือถือสีดำ ปิดเครื่องตกอยู่บนดิน จึงเก็บมาเป็นหลักฐานและสืบสวนหาผู้เชื่อมโยงต่อ การเปิดปฏิบัติการ ปิดฉากเครือข่ายจูนบ่อดินในครั้งนี้ ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ภาคเหนือเเละภาคกลาง ทั้งหมด34 จุด ในพื้นที่จ.สิงห์บุรี,ชัยนาท/ลพบุรี /สุพรรณบุรี /พิษณุโลก / เพชรบูรณ์ /เชียงใหม่ /สมุทรปราการ เเละกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ของภาคกลาง