กระทรวงพลังงานวางแผนรับมือ ปตท.สผ.เข้าพื้นที่เอราวัณล่าช้า ย้ำก๊าซธรรมชาติไม่ขาดแคลน ไม่กระทบต่อการผลิตไฟฟ้า พร้อมเตรียมร่างกรอบใช้งบกองทุนอนุรักษ์ฯ 64 เน้นจ้างงาน-สร้างรายได้ชุมชน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการปิโตรเลียม เปิดเผยว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกำลังประสานระหว่างบริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.ในการเข้าพื้นที่แหล่งปิโตรเลียม เอราวัณ ที่ปตท.สผ.ชนะการประมูล หลังหมดอายุสัมปทานปี 2565 ซึ่งตามแผนปีนี้ ปตท.สผ.จะต้องเข้าพื้นที่ เพื่อที่เข้าไปเตรียมแผนงานในการผลิตเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องปี 2565 อย่างไรก็ตามหากการส่งมอบล่าช้า ทางกระทรวงพลังงานได้เตรียมแผนงาน เพื่อให้เกิดประเทศไทยมีความมั่นคง มีก๊าซธรรมชาติไว้ใช้โดยไม่กระทบต่อการผลิตไฟฟ้า ไม่กระทบอุตสาหกรรม และอื่นๆ เมื่อถามว่าใช้วิธีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี )หรือไม่นั้น ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ไม่ขอตอบว่าวิธีการใด แต่ขณะนี้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้พยายามอย่างที่สุด เพื่อให้ ปตท.สผ.เข้าพื้นที่ได้ทันเวลา แต่หากไม่ทันเวลาค่อยมาว่ากันด้วยการเตรียมแผนสำรองดังกล่าว ขณะเดียวกันกำลังเตรียมจัดทำหลักเกณฑ์ใช้งบกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานปี 2564 โดยจะทำเสร็จเดือนก.ย.63 เน้นจ้างงาน และสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยใช้งบประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะเร่งทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆเพื่อแจ้งชุมชนให้เข้าใจกรอบการใช้งบกองทุนฯ หลังจากปี 2563 มีโครงการไม่ได้รับอนุมัติจำนวนมาก และวันนี้มีชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ดมาเรียกร้อง เพราะโครงการสถานีสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ได้รับอนุมัติ "หลักเกณฑ์จะทำเสร็จภายในเดือนก.ย.63 และเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.เพื่ออนุมัติเดือนตุลาคม และจะเริ่มโครงการได้ในเดือนมกราคม 2564 โดยจะเป็นปีที่เน้นตามนโยบายของรัฐที่เน้นการจ้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงใช้เพื่อการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่" นอกจากนี้กระทรงวพลังงานจะลงนามบันทึกข้อตกลงการกำหนดกรอบทิศทางการบริหารจัดการงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อร่วมกันจัดทำแนวนโยบายและวัตถุประสงค์การยื่นขอใช้งบกองทุนอนุรักษ์ปี 2564 ที่เน้นการวิจัยและพัฒนาจะเป็นการส่งเสริมงานวิจัยของสถาบันการศึกษา