"สุทิน"ปิดจ้อบอภิปรายม.152 ชี้ "บิ๊กตู่"ต้นเหตุศก.พัง เตือนอย่าฟังคนรอบบข้างระวังพังเหมือนผู้นำในอดีตมีทรราชย์ติดตัว แนะเชียร์ให้นายกฯเป็นวีรบุรุษแก้ปัญหาให้จบ ด้าน"พล.อ.ประยุทธ์"บอกไม่ต้องไล่ถึงเวลาจะบริหารเอง พร้อมขอบคุณทุกคำแนะนำ เมื่อเวลา 00.30น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดให้ส.ส.อภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้อภิปรายเป็นคนสุดท้าย โดยอภิปรายสรุปว่า เศรษฐกิจไทยแม้รัฐบาลจะบอกว่าดีและมีความน่าเชื่อถือโดยอ้างถึงการจัดอันดับของต่างประเทศนั้นไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะต่างประเทศประเมินเศรษฐกิจไทยเฉพาะระดับมหภาคเท่านั้น ไม่ได้ดูจีดีพีจังหวัดและคุณภาพชีวิตของประชาชน เราอยากบอกรัฐบาลว่าชาวบ้านกำลังลำบาก "ต่างชาติดูแค่เศรษฐกิจของคนไม่กี่ตระกูล เป็นเส้นบังตาอยู่เรียกว่าความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลต้องดูให้ลึกและดูให้ชัด แม้รัฐบาลจะได้มีการพักชำระหนี้ไปแล้วกว่า 7 ล้านล้านบาท หรือ 12 ล้านบัญชี แต่รัฐบาลไม่ได้ดูว่าหลังจากหมดโปรโมชั่นแล้วจะมีการจัดการกับหนี้นี้อย่างไร หากไม่มีระบบการบริหารจัดการที่ดี บอกได้ว่าเดือนต.ค.นี้เศรษฐกิจไทยเดี้ยงแน่" นายสุทิน กล่าว ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้พยายามแก้เศรษฐกิจด้วยการตั้งศบศ.ที่เป็นการรวมภาครัฐและเอกชนเข้ามาทำงานร่วมกัน ศบศ.วันนี้ทำอะไรไม่ได้มากกว่าเดิม เพราะเป็นกลไกที่เคยทำกันมาแล้ว เช่น คณะกรรมการร่วมภาครัฐกับเอกชน เป็นต้น "การไปอ้างว่าตัวเลขจีดีพีลดลงทั่วโลก ตรงนี้เป็นความจริงแต่รัฐบาลไม่มองอีกด้านว่าประเทศอื่นๆที่ติดลบนั้นเขาติดลบมาจากการที่เขามีตัวเลขเดิมที่สูงอยู่แล้ว แต่ไทยติดลบจากตัวเดิมที่มีอยู่ต่ำ เปรียบเหมือนคนสูงที่เตี้ยลงบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เศรษฐกิจของไทยเป็นคนแคระที่เตี้ยลงไปอีก ดังนั้น ต้องมองให้รอบด้านด้วย" นายสุทิน กล่าว นายสุทิน กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมืองวันนี้มาจากการเรียกร้องของเยาวชน ถ้าใครปั่นม็อบให้นักศึกษาออกมาได้ขนาดนี้จะไปกราบเลย การชุมนุมครั้งนี้มีสิ่งบอกเหตุหลายอย่าง นายกฯในอดีตหลายคนดื้อทำให้เกิดวันมหาวิปโยคและมีคำว่าทรราชติดตัว วันนี้กำลังมาอีกท่านจะสร้างประวัติศาสตร์อย่างไรอยู่ที่ท่านจะเลือก "ผมไม่ได้เชียร์ม็อบแต่เชียร์ให้นายกฯเป็นวีรบุรุษดับปัญหาให้จบแล้วที่ท่านดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยามาท่านจะได้ทำหน้าที่นี้สำคัญที่สุด" นายสุทิน กล่าว การแก้ไขปัญหาประเทศที่ทำไม่ได้เพราะมีปัญหาการเมืองภายในพรรค ขนาดจะตั้งรัฐมนตรีคนหนึ่งยังทำไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่มีเสถียรภาพที่มีต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญ "ท่านต้องยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจแย่ ผู้นำในอดีตที่เป็นทรราชเพราะเชื่อคนรอบข้าง อย่าไปเชื่อลูกน้องมาก แม้โควิดจะผ่านไปก็ยังแย่เพราะมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ" นายสุทิน กล่าว ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ทางที่จะเป็นไปได้วันนี้ ถ้านายกฯทุ่มสุดตัวแล้วแต่ยังมือไม่ถึง มีทางเดียว คือ ต้องเปลี่ยนคนบริหาร เปลี่ยนคนเดียวไม่ได้ ต้องเปลี่ยนทั้งชุด ข่าวลือเรื่องการรัฐประหารนั้น ก่อนปี 2557 เวลาใครถามท่าน ท่านก็ปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ยึดอำนาจ ดังนั้น นายกฯต้องส่งสัญญาณให้ชัด และใครจะยึดอำนาจวันนี้ต้องบอกว่าประชาชนไม่กลัวตายแล้ว และหากยึดอำนาจในช่วงเศรษฐกิจวันนี้อาจจะสิ้นชาติ จึงเป็นเรื่องอยากฝากให้คิด ส่วนการยุบสภาฯนั้นผมก็ไม่ได้ยึดติด แต่สภาฯต้องมีภูมิคุ้มกัน ถ้าสภาฯไม่ผิดก็ควรให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ดังนั้น การให้ท่านลาออกเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด สภาฯยังอยู่และเลือกกันใหม่ ประชาธิปไตยมั่นคง หากท่านลาออกวันนี้ถือเป็นการเสียสละครั้งสำคัญ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ อีกทั้งยังเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่และช่วยคนให้มีความหวังและยังช่วยครอบครัวท่านด้วย สุดท้ายจะยังเป็นการช่วยดับชนวนความรุนแรง ถ้าท่านลาออกวันนี้เชื่อว่าผู้ชุมนุมจะไม่เลยป้าย สิ่งที่เราเคารพบูชาจะไม่ด่างพร้อย ที่สำคัญต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีส.ส.ร.ก่อนและท่านลาออกจังหวะนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า ได้รับฟังความคิดเห็นและคำเสียดสีดูถูก คำว่าเผด็จการทหาร ตนเองได้ฟังตลอดมา แต่อย่าลืมว่าก็เคยมีคำว่าเผด็จการรัฐสภาเหมือนกัน "คำแนะนำให้ผมลาออกถึงเวลาผมก็บริหารเอง ดีที่ท่านไม่แนะนำให้ผมหนีคดี ผมคงไม่หนี ผมไม่ทะเลาะกับท่าน ขอขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ผมจะได้ทำงานของผมสักที มีงานค้างอยู่เยอะ ท่านก็มี การเรียกส่วนราชการมาชี้แจงบ่อยๆ ในเรื่องเดิมๆทำให้ไม่มีเวลา ขอให้เบาๆลงหน่อยแล้วกัน จะได้ทำงานได้เร็วขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว จากนั้นนายชวน หลีกภ้ย ประธานสภาฯได้สั่งปิดประชุมในเวลา 01.30 น.