เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบถึงธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย แต่ในมุมมองของนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ยังมองทุกสถานการณ์เป็นโอกาสที่สำคัญ เพราะยังคงเชื่อมั่นท่องเที่ยวไทย และทั่วโลกที่จะฟื้นตัวกลับมาได้อีกครั้ง ในเรื่องนี้ ทางนายณัฐวิทย์ ธารชลานุกิจ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมฮิลล์โบโร ดิ อิงลิช คันทรี่เฮาส์ โฮเทล แอนด์ เลเชอร์ เชียงใหม่ จึงได้สะท้อนแผนการตลาดที่นำมาใช้กับธุรกิจที่รับผิดชอบได้อย่างน่าสนใจ สื่อสารให้ทุกคนเข้าใจถึงเป้าหมาย โดย นายณัฐวิทย์ ธารชลานุกิจ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมฮิลล์โบโร ดิ อิงลิช คันทรี่เฮาส์ โฮเทล แอนด์ เลเชอร์ เชียงใหม่ กล่าวว่า ในเวลานี้มีธุรกิจที่รับผิดชอบ คือ บ้านธาริณี โฮเต็ล แอนด์ คาเฟ่ กรุงเทพ เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และโรงแรมจำนวน 24 ห้อง แบ่งสัดส่วนให้เช่าเป็นรายเดือน 75% และรายวัน 25% จากเดิมทำเป็นอพาร์ทเม้นทมา 15 ปี ก่อนจะรีโนเวทใหม่เป็นสไตล์นอร์ดิก พร้อมปรับราคาโดยเฉลี่ยต่อคืนประมาณ 1 พันบาท ส่วนรายเดือนเป็น 6 พันบาท ทั้งนี้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้โปรโมทผ่านทางออนไลน์ทราเวลเอเยนต์ (โอทีเอ) และทางเฟซบุ๊ก จึงทำให้เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย จึงมีลูกค้าคนไทยซึ่งต้องการที่พักในกรุงเทพฯ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้อัตราการเข้าพักต่อเดือนประมาณ 92 % ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีฐานลูกค้าเดิม และสถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งมหาวิทยาลัยเกริก และศรีปทุม รวมถึงหมาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจโรงแรมฮิลล์โบโร ดิ อิงลิช คันทรี่เฮาส์ โฮเทล แอนด์ เลเชอร์ เชียงใหม่ ได้เปิดบริการมาเป็นปีที่ 5 สไตล์อังกฤษ แบบสมอลล์ลักชูรี่โฮเต็ลผสมผสานบูติคดีไซน์จำนวน 41 ห้อง อยู่ในระดับ 4 ดาว ซึ่งในช่วงเกิดวิกฤติโควิด-19 ได้เข้ามาช่วยครอบครัวดูแลโรงแรมแห่งนี้อย่างเต็มตัว จนพบว่า สิ่งสำคัญของที่นี่ คือ การบริหารบุคลากร เนื่องจากสถานที่ตั้งของโรงแรมอยู่บนดอยเส้นทางสะเมิง-ดอยปุย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้คนในพื้นที่ โดยมีพนักงานอยู่ประมาณ 11 คน เป็นจำนวนที่สอดคล้องกับห้องที่มี เพราะฉะนั้นจุดเริ่มแรกของการเข้ามาบริหาร คือ สื่อสารให้ทุกคนเข้าใจถึงเป้าหมายของโรงแรม และนำทุกคนไปเข้ารับการอบรมในทุกด้านทุกๆ 6 เดือน ขยายการรับรู้เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่ง นายณัฐวิทย์ กล่าวว่า รายได้ของโรงแรมที่เชียงใหม่ก่อนโควิด-19 จะมีลูกค้ามาใช้บริการร้านอาหารในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนที่พักของโรงแรมจะมีช่วงลองวีคเอ็นด์ โดยมีอัตราการเข้าพักช่วงโลว์ซีซั่นอยู่ที่ 40% ระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเดือนกันยายน รวมถึง ส่วนไฮซีซั่นระหว่างเดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์เต็มเกือบทุกเดือน เพราะอัตราการเข้าพักก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 90% สำหรับการทำตลาดในช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มี ก็คงจะทำตลาด เพื่อสร้างรายได้โดยรวมตตลอดทั้งปี ด้วยการมุ่งเจาะกรู๊ปสัมมนา รวมทั้งงานอีเว้นท์ต่างๆ ทั้งเป็นสถานที่ถ่ายพรีเว็ดดิ้ง จัดประชุมสัมมนา จัดงานแต่ง ซึ่งทางโรงแรมได้ประสานงานกับทางเอเยนต์ที่เกี่ยวกับงานในด้านดังกล่าว โดยเฉพาะ พร้อมทั้งมีการลงสื่อโซเชียลประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นตลาดคนรุ่นใหม่อายุประมาณ 20++ ปี มากขึ้น จากเดิมที่มีแต่กลุ่มครอบครัว อายุเฉลี่ยประมาณ 30+ ปี อีกทั้งโปรโมทร้านอาหาผ่านช่องทางโซเชียลขยายการรับรู้ จากเดิมจะรู้จักกันเฉพาะกลุ่มลูกค้าภาคเหนืออย่าง ลำปาง เชียงราย เท่านั้นแต่เมื่อลงสื่อโซเชียลไปทำให้คนกรุงเทพฯ รู้จักมากขึ้น รวมทั้งมีลูกค้าจากภาคอื่นๆ เช่น ภาคใต้ ภาคกลางด้วย โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวก่อนโควิด-19 เป็นคนไทยประมาณ 40% ต่างชาติ 60% มาจากประเทศแถบสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และคนอังกฤษ แต่หลังจากโควิด-19 ต้องปรับสัดส่วนลูกค้าโดยนำ 40% ที่เป็นฐานลูกค้าเดิมมาขยายต่อยอดเพิ่มในช่องทางต่างๆ มากขึ้น เพราะการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ เป็นสิ่งที่สำคัญพอๆ กับการหาฐานลูกค้าใหม่ “กำลังทำแผนกฝ่ายขายขึ้นมาเฉพาะ เพื่อหาลูกค้าใหม่จากเดิมที่มีเพียงผู้จัดการทั่วไปเป็นฝ่ายหาลูกค้า แต่เวลานี้ทางโรงแรมต้องการจะขยายการรับรู้ และหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จึงจำเป็นต้องมีพนักงานมืออาชีพด้านการขายมาช่วย เพื่อนำมาทดแทนกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่ยังไม่สามารถเดินทางมาเมืองไทยได้ โดยจะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคอร์เปอเรทในโซนภาคเหนือทั้งหมด” อย่างไรก็ตาม นายณัฐวิทย์ กล่าวว่า การเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมวางแผนการตลาดควบคู่กันไปจะทำให้ได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่ม สามารถรองรับได้อย่างเหมาะสมและลงตัว เนื่องจากทางโรงแรมมีห้องเพียง 11 ห้องเท่านั้น ดังนั้นการเจาะไปที่กลุ่มผู้บริหาร หรือสถานศึกษา ที่ต้องการทำกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์จำนวนไม่เกิน 30 คนจึงน่าจะเหมาะกับสถานที่ของโรงแรมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งแผนการในอนาคตจะมีการพัฒนาในเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น เป็นการวางระบบหลังบ้านให้เสถียร ดูแลทั้งการบริการ การบัญชี และอื่นๆ เพื่อ เก็บข้อมูลไว้เป็นบิ๊กดาต้าของโรงแรม