นายกฯ สวน “ศรัณย์วุฒิ” ไม่ได้รับผลประโยชน์โรงไฟฟ้า 5,000 เมกกะวัต ชี้เป็นสัญญาจากรัฐบาลก่อนหน้าทำไว้ ร่ายยาวรัฐบาลประสบความสำเร็จควบคุมโควิด-19 เร่งเยียวยาประชาชน โวเศรษฐกิจดีต่อเนื่อง แต่ยอมรับจีดีพีติดลบ 7.5 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการที่ลดลงว่า เพราะมีกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส่วนคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ก็เกิดตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งขณะนั้นตนเองก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ขณะนี้ก็แก้ปัญหาอยู่ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดทั้งตำรวจ อัยการ และศาล เพื่อให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลตามข้อเสนอแนะของศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ส่วนกรณีที่นายศรัณย์วุฒิ กล่าวหาว่าได้รับผลประโยชน์เรื่องโรงไฟฟ้า พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า ไม่ได้ผลประโยชน์ เป็นข้อตกลงตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ ตกลงไว้ 5,000 เมกะวัตต์ เมื่อตนเองเข้ามาก็สั่งทบทวน ปรากฏว่าพิจารณาจากข้อกฎหมายต่างๆ แล้วเสียเปรียบทุกอย่าง เพราะไปเซ็นสัญญากันเอาไว้ให้ก่อสร้าง ซึ่งรัฐบาลพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะแก้ปัญหา แต่ก็แก้ไม่ได้ เพราะพัวพันกับสัญญาที่ทำเอาไว้ก่อนหน้าที่จะเข้ามา พลเอกประยุทธ์ ยังชี้แจงถึงสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ โดยเฉพาะความสำเร็จของประชาชนคนไทยทุกภาคส่วน ที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อยู่ภายใต้การควบคุม เป็นเวลา 101 วัน ที่ไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ โดยผู้ติดเชื้อใหม่ส่วนใหญ่มาจาก จนกระทั่งวันนี้เหลือผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ในสถานพยาบาลประมาณ 100 คน ซึ่งรองรับได้แน่นอน ส่วนการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นบทเรียนที่ทำให้ตระหนักกันอยู่เสมอ เพื่อให้การ์ดไม่ตก มากกว่าสร้างความตื่นตระหนก เพราะเคยทำความสำเร็จมาแล้ว ในการแก้ไขความกังวลใจจากเหตุการณ์ที่จังหวัดระยอง ด้วยการสอบสวนติดตามโรคอย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่งปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่มีวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่จะทำได้ทันทีและถูกต้องที่สุด เพราะสถานการณ์เกิดขึ้นกับคนหลายคน หลายพื้นที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้อยู่ในอันดับต้นๆ ด้านสาธารณสุข ให้ความสำคัญด้านการควบคุมโรค แต่ก็ตระหนักถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่นการปิดน่านฟ้า ปิดสนามบิน ปิดสถานประกอบการจำนวนมาก ซึ่งก็ได้ออกมาตรการลดผลกระทบ แบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้ประชาชนและผู้ประกอบการ ใช้งบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เยียวยาประชาชน 31.4 ล้านคน ให้ครบทุกกลุ่ม ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน แรงงาน สถานประกอบการ เลื่อนเวลาชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ลดระยะเวลาสมทบเงินประกันสังคม ลดค่าธรรมเนียมการธุรกรรมต่างๆ ลดภาระหนี้เงินต้น ลดดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้ ลดระยะเวลาชำระหนี้ การให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งพยายามหามาตรการให้คนที่ไม่มีบัญชีธุรกรรม เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วย แต่ก็ต้องคำนึงถึงข้อกฎหมายด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานบอกแล้วว่า มีแผนงานจ้างงานกว่า 1 แสนอัตรา ในระยะแรก และช่วยเหลือเด็ก นักเรียน เยาวชนกว่า 8 แสนคน เพื่อไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษา และพยายามเร่งรัดมาตรการหลายอย่าง เช่น รัฐบาลจะจ่ายค่าจ้างร่วมกับบริษัทเอกชนในการจ้างงาน จ่ายเงินค่าจ้างลูกจ้าง จ้างงานนิสิตนักศึกษาที่ประสบความเดือดร้อนทั้งระดับปริญญาตรี ปวส. และปวช. 2.6 แสนคน ระยะเวลาการจ้างงาน 1 ปี นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้บังคับใช้จนเกิดปัญหา ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 3 เดือน แต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตร ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น คนว่างงานลดลง แต่ยอมรับว่า มีการคาดการณ์จีดีพีปีนี้ ลดลงร้อยละ 7.5