จะใช้งบกลางปี 63 ของกทม.มาจ่ายเพื่อเดินหน้าโครงการไม่ให้สะดุดหลังหมดสิ้นสัญญา เป็นการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือ ไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวที่ต้องดูแล 9 ก.ย.2563 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงโครงการรถตู้บริการสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์ ว่า กรุงเทพมหานครจะไม่ยกเลิกโครงการดังกล่าวที่กำลังจะสิ้นสุดสัญญาในสิ้นเดือนกันยายน 2563นี้ ด้วยเห็นถึงความจำเป็นที่ยังต้องให้บริการแก่ผู้พิการและผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์ เพราะจากที่สำรวจมีผู้ใช้บริการมากถึง 4,000-6,000 คน/เดือน โดยจะใช้งบกลางปี 63 ของกรุงเทพมหานครมาจ่ายให้โครงการไม่ต้องสะดุดหลังหมดสิ้นสัญญา เป็นการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือ ไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวที่ต้องดูแล สำหรับโครงการรถตู้บริการสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์ เป็นหนึ่งในนโยบายมหานครแห่งโอกาสทุกคน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการและผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์เดินทางไปโรงพยาบาลได้โดยไม่ต้องเป็นภาระญาติและครอบครัว เป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกหยิบยกให้ต้องยกเลิก เนื่องจากต้องตัดทอนรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้งบประมาณของกรุงเทพมหานครอยู่ในภาวะสมดุล เป็นผลกระทบจากการจัดเก็บรายได้ในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ต้องตัดลดงบประมาณออกไปหลายโครงการ สุดท้ายพล.ต.อ.อัศวิน ผู้ว่าฯกทม.ก็ตัดสินใจใช้งบประมาณกลางปี 2563 ที่จะหมดในสิ้นเดือนกันยายนนี้เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้เปิดให้บริการฟรีรถตู้แก่ผู้สูงอายุและผู้ใช้รถวีลแชร์มาตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2555 โดยมอบหมายให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ มีรถให้บริการ 10 คัน โดยบริหารจัดการเองทั้งหมด และเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 กรุงเทพมหานครเห็นชอบโครงการ มอบงบประมาณสนับสนุน 70% ประมาณ 112 ล้านบาท ต่อสัญญา 4 ปี มาจนถึงปัจจุบัน มีรถให้บริการ 30 คัน ประจำศูนย์ควบคุมการเดินรถพระราม 3 ถนนพระราม 3 ศูนย์บริการหนองแขม ถนนพุทธมณฑล สาย 3 และ ศูนย์บริการรามคำแหง 41 ถนนรามคำแหง 40 จากข้อมูลของกรุงเทพธนาคม มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 1,600 เที่ยว(ไป-กลับ) หรือ ประมาณ 50 เที่ยว(ไป-กลับ) ต่อวัน โดยมียอดจองที่ไม่สามารถให้บริการได้อีกถึง 800 คน/เดือน โดยสัญญาการสนับสนุนงบประมาณจากกรุงเทพมหานครจะครบกำหนดในสิ้นเดือนกันยายน 2563 ซึ่งพล.ต.อ.อัศวิน ผู้ว่าฯกทม. ให้โครงการดำเนินต่อไปโดยใช้งบประมาณกลางปี 2563