จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมาตำรวจ สน.ปากคลองสาน รุดไปตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิตเพศหญิงสาวชาวเอเชีย อายุประมาณ 20-40 ปี ผิวขาว สภาพเปลือยกาย ไม่มีเสื้อผ้าและเอกสารติดตัว ถูกถุงพลาสติกสีชมพูคลุมร่างตั้งแต่ช่วงศีรษะถึงบั้นเอวก่อน 1 ใบ และมีถุงพลาสติกสีเขียวคลุมทับอีก 1 ใบ ที่ข้อมือซ้ายพบกำไลโลหะฝังวัสดุคล้ายเพชรสีขาวสวมอยู่ 1 วง ตามเนื้อตัวเริ่มขึ้นอืดเน่าเปื่อยมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บั้นเอวขวาและบั้นเอวด้านหลัง ผมและเล็บหลุดร่อนแพทย์สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 72 ชั่วโมง โดยศพดังกล่าวลอยตามน้ำเจ้าพระยามาขึ้นที่ท่าเทียบเรือท่าดินแดง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 8 ก.ย. พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 เปิดเผยว่า คดีนี้ทางฝ่ายสืบสวน ได้ช่วยกันไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามท่าน้ำในละเเวกจุดที่พบศพกว่า 100 ตัว จนกระทั่งพบเบาะแสสำคัญเป็นภาพผู้ต้องสงสัยนำถุงพลาสติกใบใหญ่ห่อหุ้มวัตถุคล้ายร่างกายมนุษย์ โดยห่อหุ้มทั้งส่วนบนและส่วนล่างนำไปทิ้งลงแม่น้ำตรงท่าน้ำใต้สะพานพุทธใกล้วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 30 ส.ค.ต่อเนื่องเช้ามืดวันที่ 1 ก.ย. และเมื่อไล่กล้องวงจรปิดไปเรื่อยพบว่าผู้ต้องสังสัย ใช้รถ จยย.แบบผู้หญิงนำถุงพลาสติกดังกล่าวตั้งตรงช่องที่พักเท้าด้านหน้าและใช้หว่างขาหนีบออกมาจากบ้านเช่าในซอยท่าดินแดง 15 โดยขี่ลัดเลาะมาในระยะทางราว 1.5 กิโลเมตรเพื่อนำถุงมาทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา กระทั่งเช้าวันที่ 1 ก.ย.พนักงานสอบสวนจึงได้รับแจ้งว่าพบศพที่ท่าน้ำท่าดินแดง ห่างบ้านเช่าของผู้ต้องสงสัยแค่ไม่กี่ร้อยเมตร พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อได้หลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดแล้ว เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 7 ก.ย. ทาง พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รอง ผบก.น.8 จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ศุทรา หล่าสกุล รอง ผกก.สส.สน.ปากคลองสาน นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.ปากคลองสาน พร้อมหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เข้าตรวจสอบบ้านเช่าเป้าหมาย พบ นายอัณณพ บุญสอน อายุ 62 ปี เป็นผู้เช่า จากการสอบสวนเจ้าตัวยอมรับศพที่พบคือ นางวาสนา อ่อนสมบูรณ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นภรรยาของตนเอง โดยก่อนหน้านี้ภรรยาป่วยด้วยโรคมะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกายจนไม่สามารถลุกเดินไปไหนได้ ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง และเสียชีวิตลงตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีเงินทำศพภรรยาจึงต้องปล่อยให้ศพอืดคาบ้านก่อนตัดสินใจนำถุงพลาสติกใบใหญ่มาคลุมร่างทั้งส่วนศีรษะและส่วนขานำขึ้นรถ จยย.ไปทิ้งที่ท่าน้ำใต้สะพานพุทธยอดฟ้า กระทั่งศพภรรยาลอยขึ้นมาฟ้องเรียกร้องความยุติธรรมตรงท่าน้ำไม่ไกลจากบ้านเช่าของตัวเอง จากการสอบสวน นายอัณณพ ให้การด้วยความรันทดว่า ตนมีอาชีพสานตะกร้อครอบปากสุนัขขาย แต่รายได้ไม่ค่อยดีต้องอดมื้อกินมื้อ ก่อนหน้านี้ก็เคยเลิกรากับผู้ตายมานานหลายปีแล้ว จนเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาทราบข่าวว่า ผู้ตายป่วยโรคมะเร็งและไม่มีใครดูแล จึงเดินทางไปรับตัวมาจากเชียงใหม่ เพื่อนำมาดูแลที่บ้านเช่าเนื่องจากเห็นว่าเคยเป็นสามีภรรยากัน กระทั่งวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมากลับมาถึงบ้านพบว่าภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว ด้วยความที่ไม่มีเงินและไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร พยายามติดต่อสอบถามหาวัดทำการเผาศพภรรยา แต่ทุกแห่งยืนยันว่าต้องใช้เอกสารมรณะบัตร ด้วยความเครียดคิดหาทางออกไม่ได้จึงนำศพทิ้งไว้ในห้องนาน 3 คืนจนเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น จากนั้นตัดสินใจนำร่างเปลือยเปล่าคลุมด้วยถุงพลาสติกทั้งท่อนบนและท่อนล่างขึ้นรถ จยย.นำไปทิ้งที่ท่าน้ำใต้สะพานพุทธยอดฟ้า จนตำรวจบุกมาจับกุมตัวได้ที่บ้านเช่าดังกล่าว ด้าน พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อผู้ต้องหายอมรับว่าทำไปเพราะไม่มีทางออก หาเงินทำศพภรรยาไม่ได้ ก็ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาผู้ใดไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ อัฐิหรือเถ้าของศพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี คุมตัวส่งศาลแขวงธนบุรีเอาไว้ก่อน โดยหลังจากนี้ต้องรอผลยืนยันจากแพทย์ว่า นางวาสนา ผู้ตายเสียชีวิตเพราะเหตุใดกันแน่ หากพบว่าสาเหตุไม่ตรงกับคำให้การของ นายอัณณพ ก็สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ โดยตนอยากฝากประชาสัมพันธ์ถึงชาวบ้านและประชาชนว่า ช่วงนี้วิกฤตเกิดขึ้นทั่วประเทศหากครอบครัวใดต้องประสบปัญหาในลักษณะนี้อย่าได้ด่วนตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยวิธีผิดๆ ขอให้ท่านไตร่ตรองและลองมองหาผู้ช่วยคิดก่อน อย่างน้อยโทรศัพท์ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เบอร์ 191 เพื่อให้ตำรวจท้องที่เข้าไปแก้ปัญหาในเบื้องต้นให้ท่านก่อนก็ได้