วันนี้ (7 ก.ย.63) ณ บริเวณศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์  จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี ประจำปี 2563 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม และส่งเสริมประเพณีที่ดีงามของพุทธศาสนิกชน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ  หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง มีทั้งพิธีพราหมณ์และพิธีสงฆ์  เพื่อบวงสรวงศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นสิริมงคลแก่ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า  การก่อสร้างศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชสักการะและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคล  วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นหลักชัย มิ่งขวัญ  รวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งองค์หลักเมืองประกอบด้วยยอดเสาหลักเมืองบรรจงแกะสลักจากไม้ราชพฤกษ์ เป็นพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่หน้า หันพระพักตร์ไปทั้งสี่ทิศเหมือนการแกะสลักพระพรหมสี่หน้าไว้ตามยอดหลักเมืองทั่วๆไป และตรงมวยพระเกศาสลักเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ พร้อมกับลงรักปิดทองอย่างวิจิตรสวยงาม ส่วนตัวเสาหลักเมืองแกะสลักจากไม้ราชพฤกษ์เช่นเดียวกัน มีลักษณะเป็นเสากลมโตมีลักษณะสูง 108 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 นิ้ว สำหรับรูปทรงของศาลนั้นได้สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขย่อมุม มณฑปสร้างเป็นเจดีย์องค์ประธาน มียอดฉัตร 5 ชั้น ถัดลงมาเป็นหลังคาซ้อนเป็นชั้นมณฑปลดหลั่นลงมาจำนวน 4 ชั้น แต่ละชั้นมีเจดีย์องค์บริวาร หลังคามีฐานสี่เหลี่ยมขนาดสูง 5.10 เมตร กว้าง 2.10 เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบศรีวิชัย ทาสีทอง ปั้นก่อบัวลวดลายบนกลีบขนุนทั้ง 4 ด้าน และได้อัญเชิญเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ฉลองราชสมบัติครบ 50 พรรษา ประดับไว้ทั้ง 4 ด้าน จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรศรีวิชัยมีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน และ มีแนวโน้มว่าในอนาคตดินแดนแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางความเจริญทางด้านวัตถุและจิตใจในบริเวณภาคใต้ตอนบน.