เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 63 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวใจความสรุปว่า ยืนยันว่าจะโหวตไม่เห็นด้วย และสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญรายมาตราเท่าที่จำเป็น เพราะการเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เป็นการรื้อทั้งหมด 279 มาตรา เหลือเพียง 24 มาตรา เท่ากับแก้ 255 มาตรา ถ้าแก้เท่านั้นจะมาตั้ง ส.ส.ร.เสียเวลาทำไม จะต้องใช้งบอีกกี่พันล้านบาทที่จะนำมาใช้เป็นเงินเดือน ส.ส.ร. และเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งใช้งบประมาณเท่ากับเลือกตั้ง ส.ส. และส.ว. ทั้งนี้ ตนเป็นส.ว.ที่มีสิทธิในการลงมติเห็นชอบ เป็น 1 ใน 84 เสียง ถ้ารัฐบาลเสนอแก้เป็นรายมาตรา เป็น 1 ใน 84 ที่ยกมือให้ แต่เมื่อวานนี้ยื่นไปแล้วเสนอแก้ทั้งฉบับบอกเลยว่าไม่เห็นด้วย และจะโหวตไม่เห็นด้วย แล้วจะอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาด้วยว่าตนสงสัยแทนประชาชน ซึ่งการที่อยากแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ประเด็นไหน อย่ามาเหนียม อย่ามาบอกว่าร่างใหม่แล้วจะแก้ปัญหา เพราะการแก้ปัญหาหนึ่งนำไปสู่ปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่า เท่าที่รู้ประเด็นที่อยากแก้หลักๆ มีเพียง 1.เรื่องบัตรเลือกตั้ง ส.ส.ที่ยังตกลงไม่ได้ว่าใบเดียวหรือสองใบ 2.วุฒิสภาควรโหวตนายกฯ หรือไม่ ซึ่งไม่ขัดข้อง ให้ไปถามประชาชนที่ลงประชามติก่อน 3.อยากแก้มาตรา 144 ที่ห้าม ครม. ส.ส. ส.ว. ยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน และ 4.อยากยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญานักการเมือง เพราะจะต้องหายไปหากยกร่างใหม่ ซึ่งหมายความว่ารัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงจะหายไป ทั้งนี้ตามปกติแล้วการโหวตของวุฒิสภาในแต่ละเรื่องจะมีความคิดเห็นเป็นอิสระ แต่เท่าที่ฟังเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนเรื่องการล่า 50,000 รายชื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะเสนอได้ อยากเห็นประชาชนเสนอเข้ามา อาจจะยังมี 50,000 รายชื่อที่เสนอโดยกลุ่มเพกวิน และ 50,000 รายชื่อของกลุ่มหมอวงรค์ ซึ่งต้องถามทุกคน ทุกฝ่าย จะถามคนฝ่ายเดียวไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ประเทศชาติเดินต่อไปไม่ได้ อย่าไปหลงกับม็อบเสมือนจริง ข้อเรียกร้องสามารถทำได้ไม่ผิด แต่ข้อสนองเป็นการสวมรอยหรือเปล่า ความจริงเรื่องนี้สามารถอธิบายกับเด็ก มีปัญหากี่มาตราก็แก้ไป ไม่ใช่รื้อใหม่หมด