“โกลเบล็ก”ประเมินดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบ 1,300-1,350 จุด แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศจะได้ผลตอบรับออกมาดี และเฟดพยายามใช้เครื่องมือทางการเงิน “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ในการสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจก็ตาม แต่ยังคงต้องจับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในรอบเดือนก.ค.-ส.ค.ที่จะทยอยประกาศในต้นเดือนก.ย.นี้ ส่วนกลยุทธ์ลงทุนแนะลงทุน 8 หุ้นเด่น Defensive Stock พื้นฐานแกร่ง-ปันผลสม่ำเสมอ ชู ADVANC – INTUCH – DIF –TTW – BEM – BTS – CHG - BCH บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวในกรอบดัชนีที่ระดับ 1,300-1,350 จุด โดยปัจจัยเชิงบวกจากในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนก.ค.63 ปรับดีขึ้นต่อเนื่องตามการใช้จ่ายภาครัฐและการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศ โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน มูลค่าการส่งออกสินค้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลง อีกทั้ง สศค.เผยเศรษฐกิจภูมิภาคก.ค.ทยอยฟื้นตัว หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ กิจกรรมเศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อนได้ โดยปัจจัยบวกจากต่างประเทศนั้นมาจากการที่เฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ อีกทั้งสหรัฐเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE)เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. สุดท้ายจีนเผยดัชนี PMI ภาคบริการพุ่งแตะ 55.2 ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตชะลอตัวลงแตะ 51 แต่ยังขยายตัว น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้แกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยมีปัจจัยอื่นๆที่ต้องจับตาอาทิ การที่จีนจะประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของเดือนส.ค.จากไฉซิน สหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค. การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. อีกทั้งยังรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค. ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ทั้งนี้สุดท้าย สหรัฐฯเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค. และเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. ส่วนด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนหุ้น Defensive Stock อาทิ ADVANC – INTUCH – DIF –TTW – BEM – BTS – CHG - BCH เนื่องจากเป็นหุ้นที่พื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอเมื่อเทียบในช่วงที่ผ่านมา ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาทองคำ ผันผวนอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,976 $/Oz และปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดที่ 1,909 $/Oz โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นหลังจีนยิงขีปนาวุธ 2 ลูกลงสู่ทะเลจีนใต้เมื่อวันที่ 26 ส.ค.63 หลังพบเครื่องบินสอดแนม U-2 ของสหรัฐฯ ลำหนึ่งบินเข้ามาในเขตห้ามบินโดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่างที่กองทัพเรือของปักกิ่งกำลังซ้อมรบ จึงให้กรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,900-1,980 $/Oz หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 27,830-29,130 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900 $/Oz ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม