นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ เฟซบุ๊กชื่อ Nakorn Machimระบุว่า... การปฏิวัติประชาชนจะทลายกำแพงของเผด็จการทรราชได้ รู้สึกขอบคุณ ในมิตรไมตรีที่ผู้รักประชาธิปไตยที่สนับสนุนเพื่อไทย และ ก้าวไกล แสดงความห่วงใย ความจริงใจ ไม่ต้องการให้ขัดแย้งกัน ให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยสามัคคีกันอย่างมีเอกภาพ รวมพลังกันสู้กับระบอบเผด็จการให้ชนะให้จงได้ เพราะศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ฝ่ายเผด็จการทรราชครบเครื่อง แข็งแกร่งเกือบจะทุกด้าน แนวรบในสภา เมื่อมองอย่างรอบด้าน บนความเป็นจริง ภายใต้กฎ กติกา ของโจรกบฏ ที่เต็มไปด้วย เล่ห์เหลี่ยม กลโกง กับดัก หลุมพราง คมหอก คมดาบ คมกระสุน และกำแพงเหล็ก ที่เหล่าเผด็จการทรราชวางไว้ ไม่ว่าจะเป็น สมาชิกวุฒิสภา องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม ข้าราชการระดับสูง แม่ทัพ นายกอง ที่มีปืน พรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ บอร์ดรัฐวิสาหกิจที่เผด็จการแต่งตั้ง เป็นโครงข่าย เป็นเสาค้ำยัน ให้เผด็จการทรราช แนวรบในสภา จึงไม่อาจเอาชนะระบอบเผด็จการได้ อีกทั้งการแก้รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช ในสภาที่เป็นเผด็จการ ภายใต้การควบคุมของฝ่ายเผด็จการ หากสู้โดยลำพังพรรคฝ่ายค้านจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอนพรรคฝ่ายค้านจะถูกใช้เป็นแค่เพียงเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้เผด็จการทรราชเท่านั้น ดีที่สุดที่พอจะทำได้ ก็เพียงตรวจสอบ เปิดโปงการทุจจริต คดโกงของรัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปนี้เท่านั้น แต่ไม่สามารถโค่นล้มระบอบเผด็จการได้ มีเพียงแนวรบนอกสภาคือ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกหมู่เหล่า เท่านั้นที่จะผนึกพลังกัน โดยได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากพรรครับการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่จะสามารถทลายกำแพงเหล็ก กฎ กติกา ของโจรกบฏ รวมไปถึงองคาพยพของเผด็จการทรราช จากภายนอกด้วยจำนวนมวลชนทั้งปริมาณและคุณภาพ บนหลักการการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ที่เรียกว่า การปฏิวัติโดยประชาชนอย่างแท้จริง พรรคเพื่อไทยขอน้อมรับต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน และจะนำมาเป็นคำชี้แนะด้วยมิตรไมตรี ด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อพรรค และจะผสานผนึกกำลังกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างมีเอกภาพ จะไม่เปลี่ยนเป้าหมาย และอุดมการณ์ที่จะโค่นเผด็จการทรราชให้จงได้ แล้วร่วมกับประชาชนล้างมรดกบาปของเผด็จการให้สิ้น นำมาซึ่งความเป็นธรรม สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและประชาธิปไตยสู่ประเทศของเรา เพื่อ ประชาชนและลูกหลานของเราต่อไป นคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย 29 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลและภาพ เฟซบุ๊ก-Nakorn Machim