ผอ. ขสมก. ตั้งเงื่อนไขสุดเข้มหลังผ่านแผนฟื้นฟูฯ รถร่วมเอกชน ต้องใหม่อายุไม่เกิน 2 ปี ใช้พลังไฟฟ้า พร้อมวางหลักประกัน ไม่น้อยกว่าคันละ 4ล้านและค่าปรับแสนโหด วันที่ 23 ส.ค. นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)เปิดเผยว่าตามที่ ขสมก. จะเสนอแผนฟื้นฟูองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆนี้ (ปลายเดือน สิงหาคม 2563) ได้มีข้อกำหนดให้จ้างรถร่วมเอกชนเข้าร่วมในแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทาง ขสมก. ได้กำหนดเอาไว้ โดยจะต้องเข้มงวดในการบริหารงาน แต่ผู้โดยสารจะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ สำหรับข้อกำหนดที่เข้มงวดให้รถร่วมเอกชนต้องดำเนินการ เช่น ต้องเป็นรถร่วมเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตเดินรถจากกรมการขนส่งทางบก ในเส้นทางปฏิรูป 54 เส้นทาง ต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV) หรือรถก๊าซ NGV เท่านั้น ต้องเป็นรถโดยสารใหม่ หรือมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี นับตั้งแต่วันจดทะเบียน ต้องติดตั้งอุปกรณ์พร้อมระบบ E-Ticket / GPS / Wi-Fi มาพร้อมรถ ต้องเดินรถตามเงื่อนไขในสัญญาที่ ขสมก.กำหนด ต้องเป็นรถโดยสารชานต่ำ Universal Design ต้องวางหลักประกันสัญญา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5-10 % ของวงเงินตามสัญญา หากทำผิดสัญญา จะถูกริบหลักประกันจำนวนนี้ได้ ต้องจัดหารถสำรอง และต้องมีความพร้อมในการปรับปรุงเส้นทางในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ บรรดากลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมเอกชน เห็นว่าข้อกำหนดค่อนข้างเข้มงวด โดยเฉพาะการกำหนดให้ต้องลงทุนจัดหารถใหม่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี โดยเป็นรถ low floor มาตรฐานเดียวกับที่ ขสมก กำหนด และการวางเงินหลักประกันสัญญาไม่น้อยกว่าคันละ 4ล้านบาท ทำให้รถร่วมเอกชนมีต้นทุนเพิ่มขึ้น และต้องควบคุมคุณภาพต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียค่าปรับ "กรณีที่กำหนดให้ต้องเสียค่าปรับ อาทิเช่น แอร์ไม่เย็น รถเสียระหว่างทาง รถเสียจุกจิก วิ่งไม่ตรงแผนเดินรถที่กำหนดไว้ คนขับรถไม่พร้อม และการขับขี่รถไร้มารยาท อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประกอบการ รถร่วมเอกชน เข้าใจดีว่า ขสมก.ต้องการทำให้ผู้โดยสาร ได้รับบริการที่ดีที่สุด ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้รับบริการที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง" ผอ.ขสมก. กล่าวปิดท้าย