คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย ขณะนี้ดูเหมือนว่าการแข่งขันเลือกตั้ง เพื่อช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯระหว่างทีมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ ทีมของ โจ ไบเดน กำลังดุเดือดเข้มข้นแบบสุดๆ โดยตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีที่เพิ่งผ่านมานี้เป็นช่วงการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตที่มีการถ่ายทอดสดผู้ที่เข้าร่วมปราศรัยคนแล้วคนเล่าให้พวกเราได้รับชมกัน แต่เนื่องจากโรคโควิด-19 กำลังระบาดแพร่กระจายอย่างร้ายแรงทั่วสหรัฐฯ ดังนั้นการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตปีนี้จึงมิได้จัดเหมือนดั่งเช่นอดีตที่เคยผ่านมา โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ไปยังสถานที่ที่ผู้กล่าวคำปราศรัยจัดเตรียมเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของแวดวงการเมืองสหรัฐฯที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย!!! อย่างไรก็ตามการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตในปีนี้ ทีมของโจ ไบเดนร่วมใจผนึกพลังกันอย่างเหนียวแน่น โดยมีนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลของพรรครีพับลิกันหลายๆคนที่ไม่พอใจประธานาธิบดีทรัมป์แปรพักตร์หันไปสนับสนุนทีมของโจ ไบเดนและยังได้รับเชิญให้ไปกล่าวปราศรัยอีกด้วย นักการเมืองค่ายพรรครีพับลิกันที่ได้เข้าไปร่วมกล่าวคำปราศรัยสนับสนุนทีมเลือกตั้งของโจ ไบเดน ได้แก่ “อดีตผู้ว่าฯจอห์น เคซิก”จากรัฐโอไฮโอ โดยเขากล่าวว่า“ขณะนี้สหรัฐฯกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะเป็นสมาชิกในพรรครีพับลิกันก็ตาม แต่ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมิได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพรรค ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอสนับสนุนโจ ไบเดน” และเขายังได้กล่าวเสริมอีกว่า “เนื่องจากข้าพเจ้ารู้จักกับโจ ไบเดน มานานกว่าสามสิบปีข้าพเจ้าขอยืนยันว่า อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง มีสติปัญญาเลิศ และเหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นคนดีอีกด้วย” และยังมี “อดีตผู้ว่าฯคริสติน ทอดด์” แห่งรัฐนิวเจอร์ซี สังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้ออกมากล่าวปราศรัยสนับสนุนโจ ไบเดน โดยได้ชี้ว่า “ขณะนี้สหรัฐฯกำลังต้องการผู้นำที่ดีดังเช่นโจ ไบเดน เพราะที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ทำงานไม่ประสบความสำเร็จ” ส่วน “อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศคอลิน พาวเวลล์” ก็ได้กล่าวปราศรัยเมื่อวันอังคารนี้เช่นกันว่า “ข้าพเจ้าขอสนับสนุนรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งประธานาธิบดี และยังเป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่นในการรักษาคุณค่าที่ดีของสหรัฐอเมริกาเอาไว้” นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีนักการเมืองในค่ายพรรครีพับลิกันหลายๆคน ที่ออกมาประกาศว่า จะไม่โหวตให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ อาทิ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดันเบิลยู.บุช และวุฒิสมาชิกมิตต์ รอมนีย์ เป็นต้น ส่วนการผนึกพลังของเหล่าบรรดานักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลในพรรคเดโมแครตที่ต่างออกมาผลัดกันกล่าวปราศรัยนั้นมี 17 คนด้วยกันได้แก่ “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา” “มิเชล โอบามา” “อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน” และ “ฮิลลารี คลินตัน” เป็นต้น มิเชล โอบามา ได้ออกมาชี้ว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้แก่สหรัฐฯมากที่สุด และการที่เขาพยายามหาทางที่จะไม่ให้คนอเมริกันออกไปลงคะแนนเสียงนั้น นับว่าเป็นการกระทำที่แย่สุดๆ” และในขณะที่การประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตกำลังดำเนินอยู่นั้น ปรากฏว่าบรรดาสำนักหยั่งเสียงหลายๆสำนักต่างออกมาเปิดเผยผลการหยั่งเสียงของสำนักตน โดยมีผลออกมาว่า สำนักหยั่งเสียงไหนสนับสนุนพรรคใด ก็จะเอนเอียงเข้าข้างพรรคนั้น!!! ส่วนสำนักหยั่งเสียงชื่อดังเกรดเอระดับแนวหน้าดังเช่น สำนักหยั่งเสียง Washington Post/ABC ของวันที่ 17 สิงหาคม ได้ออกมาระบุว่า ทีมของโจ ไบเดน/แฮร์ริส กำลังมีคะแนนนิยมนำทีมของประธานาธิบดีทรัมป์/เพนส์ ด้วยคะแนน 53% ต่อ 41% สำหรับสำนักหยั่งเสียงของ Monmouth University ในวันเดียวกันนั้นก็ออกมาระบุว่า ทีมของโจ ไบเดน กำลังนำเหนือทีมของประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 52% ต่อ 41% ทั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์เองมีความเชื่อมั่นตลอดมาว่า เขาสามารถจะได้รับชัยชนะ โดยยึดเอาอิเล็กโทรอลโหวตเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจป๊อปปูลาร์โหวตเท่าใดนัก คราวนี้เราหันมาดูการทำนายของ “ดร.อัลแลน ลิทช์แมน” นักประวัติศาสตร์เรืองนามแห่ง “American University” ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้ที่เคยทำนายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา ได้อย่างถูกต้องแม่นยำทุกๆครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ก็ทำนายถูกต้องว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45” ในขณะที่บรรดาสำนักหยั่งเสียงและนักวิเคราะห์การเมืองได้ฟังและเห็นการทำนายของเขาแล้วต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ย แต่ท้ายที่สุดกลับต้องหน้าแตก เพราะต่างทำนายผิดกันเป็นแถว!!! ที่ผ่านๆมา ดร.ลิทช์แมน จะออกมาเปิดเผยผลการทำนายของเขาก่อนวันเลือกตั้งราวๆสองเดือนว่า ใครคือผู้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และเหมือนดั่งเช่นทุกๆครั้งเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้ออกมากล่าวคำทำนายว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งด้วยคะแนนที่สูสีคู่คี่กับคู่ต่อสู้” มีผลทำให้คำทำนายของเขากลายเป็นข่าวดังเกรียวกราว และต่อมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมนี้ดร.ลิทช์แมนก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ “Miami Herald” โดยเขาได้ทำนายเพิ่มเติมว่า “การเลือกตั้งในครั้งนี้นอกจากพรรครีพับลิกันจะสูญเสียตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ก็ยังจะเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภาอีกด้วย” อนึ่งดร.ลิทช์แมนได้กล่าวต่อไปอีกว่าเขายึดเอาหลักแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การเมือง โดยยึดเอาปัจจัยหลักๆ 13 ประการและยึดว่าฝ่ายใดมีความได้เปรียบในปัจจัยทั้ง 13 ประการมากกว่ากัน เขาก็ถือว่าฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะ!!! นอกจากนั้นแล้วเขายังได้วิเคราะห์ต่อไปว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามใส่ร้ายป้ายสีอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า เป็นพวกหัวเอียงซ้ายนั้น คงจะไม่มีผลกระทบมากเท่าใด เพราะตามประวัติการทำงานที่ผ่านมาของโจ ไบเดน จะเห็นได้ว่าเขายึดสายกลางเป็นหลัก อย่างไรก็ตามปัจจัยหลักๆที่จะทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์เสียเปรียบในขณะนี้ ดร.ลิทช์แมนอธิบายว่าสืบเนื่องมาจากการบริหารจัดการเกี่ยวกับโรคโควิด 19 ที่หย่อนยานไร้ประสิทธิภาพ และเรื่องการที่มีผู้ออกมาประท้วงในวงกว้าง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญด้วยเช่นกัน ในตอนท้ายของรายการในวันนั้นนักข่าวผู้สัมภาษณ์ยังได้ตั้งคำถามว่า “หากการทำนายของดร.ลิทช์แมนในครั้งนี้ผิดพลาดไม่แม่นยำเหมือนดั่งทุกๆครั้ง จะเกิดอะไรขึ้น?” โดยเขาได้ให้คำตอบกลับไปว่า “ก็จะสร้างความเสียหายให้แก่สหรัฐอเมริกาอย่างมหาศาล และยังจะส่งผลอันตรายต่อระบอบประชาธิไตยของสหรัฐฯอีกด้วยละสิ” อีกทั้งดร.ลิทช์แมนยังได้ตั้งข้อสังเกตต่อไปอีกว่า สิ่งที่เขารู้สึกเป็นห่วงที่สุดในขณะนี้ก็คือประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะใช้กลโกงและชักนำให้รัสเซียเข้าไปมีส่วนแทรกแซงการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วย อนึ่งเมื่อวันอังคารที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆนี้ปรากฏว่า มีรายงานเกือบหนึ่งพันหน้าของคณะกรรมาธิการข่าวกรองของเหล่าบรรดาวุฒิสมาชิกที่มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งพวกเขาได้ร่วมกันทำงานมาแล้วถึงสามปีกว่าๆ โดยมี “วุฒิสมาชิกริชาร์ด เบอร์”เป็นประธานของคณะกรรมาธิการชุดนี้สังกัดอยู่ในค่ายพรรครีพับลิกัน และได้ออกมาเปิดเผยว่า “การเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 มีหลักฐานปรากฏออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ทีมงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ร่วมมือทำงานอย่างใกล้ชิดเกี่ยวโยงเหมือนใยแมงมุมกับฝ่ายรัสเซีย โดยเครมลินได้เข้าไปแทรกแซงเพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง” อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีนักเคลื่อนไหวที่กอปรไปด้วย นักวิชาการ นักกฎหมาย อดีตข้าราชการ นักหนังสือพิมพ์ และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งกว่าหนึ่งร้อยคนที่พวกเขาได้รวมตัวผนึกพลังเตรียมการออกมาประท้วง หากว่าประธานาธิบดีโกงการเลือกตั้ง โดยเรียกโปรเจกต์นี้ว่า “The Transition Integrity Project” ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า ผลของการเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนจะยังไม่มีการรายงานออกมา และพวกเขายังคาดกันว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงๆแล้วไซร้ความโกลาหลวุ่นวายก็คงจะเกิดขึ้นจนกลายเป็นวิกฤตการเมือง!!! กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการทำนายแบบฟันธงของ “ศาสตราจารย์อัลแลน ลิทช์แมน” เป็นเรื่องของวิชาการ แต่เมื่อหันไปวิเคราะห์ถึงเจตนารมณ์และพฤติกรรมของประธานาธิบดีทรัมป์ที่พยายามทุกวิถีทางโดยงัดเอาเล่ห์เหลี่ยมต่างๆออกมาใช้ให้ตนเองได้รับการเลือกตั้งอีกหนึ่งสมัยแล้วนั้น ดูๆไปแล้วก็เพื่อต้องการจะปกป้องผลประโยชน์ของเขาเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตามผมยังมีความเชื่อมั่นว่าคนอเมริกันก็มีความรักและหวงแหนในระบอบประชาธิปไตย และแน่นอนว่าหากความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม พวกเขาก็คงจะไม่นิ่งเฉยและคงจะออกโรงมาประท้วงต่อต้านกันอย่างแน่นอนละครับ