เคาะแล้ว! “วิปรัฐบาล”ลงมติแก้ รธน.มาตรา256 ลั่นไม่แตะหมวด1-2 ศาลออกหมายจับ 6 แกนนำ“ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”ผิด ม.116 ยัน พรบ.คุมโรค “บิ๊กตู่”เมินตอบทีวีอังกฤษถาม“เด็กเรียกนายกฯเผด็จการ”พร้อมชู 2 นิ้วให้สื่อ "ทบ."ห่วงม็อบนักเรียน-นศ.ชู 3 นิ้ว ลามไปสู่ความขัดแย้ง วอนครู-พ่อแม่ช่วยชี้แจง “กมธ.กฎหมาย”จ่อเรียกเอกสาร“อธิบดีกรมน้ำบาดาล”รายงานข้อเท็จจริงต่อ“ปลัด ทส.”ลุยเอาผิดจริยธรรม สส.ตบทรัพย์ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.63 ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการประชุมวิปรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติจะแก้รัฐธรรมนูญปี 60 โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 และให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ส่วนมาตราอื่นๆ จะแก้ไขหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการหารือ นอกจากนี้ วิปรัฐบาลจะได้มีการออกแบบโครงสร้างของ ส.ส.ร.ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งอาจประกอบไปด้วยตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ และอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วย เช่น สถาบันพระปกเกล้า หรือทางสำนักงานกฤษฏีกา เป็นต้น โดยคาดว่าเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปเร็วที่สุด ก่อนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะเสนอรายงาน ทั้งนี้ เราจะยื่นแบบเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว เมื่อถามว่า ทางฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่องนี้ไปแล้ว ฝ่ายรัฐบาลก็ควรจะยื่นตามเลยหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องยื่นตามฝ่ายค้าน และหากถามว่าฝ่ายรัฐบาลยื่นช้าไปหรือไม่ ก็ต้องขอถามกลับว่าฝ่ายค้านยื่นเร็วไปหรือไม่ เพราะยื่นโดยที่ไม่รอผลการศึกษาจากคณะกมธ.วิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญเลย ที่ห้องประชุมชั้น 5 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี(บก.ภ.จว.ปทุมธานี) พล.ต.ต.ชยุต มารยาตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ชัชวาล ปี่ทอง รองผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ปทุมธานี พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.คลองหลวง ได้ร่วมกันแถลงข่าวออกหมายจับ 6 แกนนำกิจกรรมธรรมศาสตร์จะไม่ทน หยุดคุกคามประชาชน พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เพื่อเป็นการทำความเข้าใจให้ตรงกัน และทราบรายละเอียดถึงที่มาและความเป็นมาเป็นไป จึงนำเรียนพี่น้องสื่อมวลชนว่า สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 ที่ผ่านมา มีการจัดชุมนุมทางการเมือง โดยนิสิตนักศึกษาและประชาชน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต บริเวณลานพญานาค จากการตรวจสอบได้พบว่าได้รับการอนุญาตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ในเบื้องต้นเราได้ทำการสืบสวนตั้งแต่ก่อนที่จะมีการจัดเวที จนกระทั่งมีการตั้งเวที และมีการเริ่มจัดกิจกรรม มีฝ่ายสืบสวน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยหลายฝ่ายเข้าไปดำเนินการรวบรวมเก็บพยานหลักฐาน ต่อมามีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนสภ.คลองหลวง ว่าการจัดการชุมนุม และมีการปราศรัย บนเวที การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เป็นความผิดตามกฎหมาย โดยมีเนื้อหาในการชุมนุมที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และขอให้พนักงานสอบสวน ได้สอบสวนดำเนินคดี เพื่อให้ผู้กระทำผิดต่าง ๆ ได้รับโทษตามกฎหมาย ทางพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ได้พิจารณาแล้ว และรวบรวมพยานหลักฐานเสนอแก่ศาลจังหวัดธัญบุรี ในการออกหมายจับแก่นนำนักศึกษาทั้งหมด 6 ราย ได้แก่ 1.น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล 2.นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก 3.นายอานนท์ นำภา 4.นายณัฐชนน ไพโรจน์ 5.นายธนวัฒน์ หรือลุกมารค จันผลึก 6.นายสิทธิ์นนท์ หรือไฟช้อน ทรงศิริ โดยศาลธัญบุรีได้พิจารณาแล้ว ในวันที่ 14 ส.ค.2563 จึงได้ออกหมายจับ ทั้ง 6 คน ในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง และพรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งฐานความผิดเหล่านี้ได้ปรากฏโดยการจัดกิจกรรมบนเวทีการเมืองของกลุ่มผู้จัดในวันที่ 10 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ.นัดแรก ระหว่างที่เดินกลับเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ได้มีกลุ่มผู้สื่อข่าวดักรอเพื่อสัมภาษณ์นายกฯ เพื่อสอบถามถึงผลการประชุม ซึ่งนายกฯได้หันมาโบกมือพร้อมชูสองนิ้วให้กลุ่มผู้สื่อข่าว โดยระหว่างนั้นได้มีสื่อมวลชนจากสถานีโทรทัศน์ Channel 4 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะของอังกฤษ ได้ตะโกนถามว่า "มีเด็กๆ เรียกว่าท่านเป็นนายกฯเผด็จการรู้สึกอย่างไร" ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถาม พร้อมขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ระหว่างนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้เดินออกจากห้องประชุมเพื่อกลับห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวจึงได้สัมภาษณ์นายวิษณุในประเด็นเดียวกัน และยังถามว่านายกฯระบุว่าจะรับฟังเยาวชน เหตุใดจึงไม่รับฟัง นายวิษณุ จึงตอบว่า พวกเราได้ยินและรับฟัง เมื่อถามว่า เหตุใดนายกฯ จึงไม่ตอบคำถามที่จะถาม ซึ่งมีหลายคำถามที่ต้องการความชัดเจน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เพียงแค่คุณเท่านั้นที่นายกฯ ไม่ได้ตอบ แต่นักข่าวทั้งหมดก็รอกันอยู่และไม่ได้ตอบเช่นกัน เพราะวันนี้มีการประชุม จึงอยากให้ฟังการแถลงข่าวจากรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ของอังกฤษได้ระบุกับสื่อมวลชนด้วยกันเองว่า คำถามของตนเป็นคำถามที่นักข่าวต่างประเทศต้องการคำตอบจากนายกฯไทย และยังมีอีกหลายคำถามที่ต้องการคำตอบ และสงสัยว่าทำไมนายกฯ จึงไม่เดินออกมาตอบ ซึ่งทางกลุ่มสื่อมวลชนไทยได้อธิบายว่าปกติบริเวณทางเชื่อมระหว่างตึกภักดีบดินทร์กับตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯ มักจะไม่ได้เดินออกมาตอบ และสิ่งที่ถามนั้นนายกฯ ได้ตอบไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ซึ่งผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็เข้าใจ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเกรงจะเกิดความขัดแย้งในสังคมหลังมีการแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วของนิสิต นักศึกษาในการชุมนุมที่ขยายวงกว้างออกไปว่า ในฐานะที่ตนอยู่ฝ่ายความมั่นคง ในเรื่องความขัดแย้งนั้น ก็เป็นห่วง เพราะคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กลับมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็เข้าใจว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ น่าจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และได้รับข้อมูลที่ไม่เพียงพอ รัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ “โดยเฉพาะกับน้องๆ เยาวชน เพราะพวกเราทุกคนในที่นี้เคยเป็นเด็กมาก่อน เราคงจำได้ว่ามีความเชื่ออะไรเราก็จะเชื่ออย่างนั้น เราก็คงต้องอาศัยความเข้าใจและอาศัยเวลา รวมถึงอาศัยคนที่อยู่ใกล้ชิด เช่นคุณครู คุณพ่อ คุณแม่ ที่จะช่วยพูดคุยกับเด็กและทำความเข้าใจ คงไม่ใช่รัฐบาลที่ต้องเข้าไปแก้ไขเรื่องนี้ สมมุติว่ากองทัพ จะไปทำความเข้าใจ ทหารหรือตำรวจจะไปทำความเข้าใจ ฝ่ายความมั่นคงหรือแม้กระทั่งนักการเมืองจะเข้าไปทำความเข้าใจ คงจะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่สามารถคลี่คลายในเวลาที่เราต้องการ สิ่งที่น่าจะแก้ไขได้ก็คือ พ่อแม่ คุณครู ที่จะช่วยกัน” พล.อ.ณัฐพล กล่าว ที่รัฐสภา มีการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นงบของกองทัพบก จำนวน 107,600 ล้านบาทเศษ โดยพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เข้าชี้แจงรายละเอียดของงบประมาณในส่วนของกองทัพ ยืนยันว่า เร่งปรับลดกำลังพล เพื่อลดการใช้จ่ายแล้ว พร้อมเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ ปรับสวัสดิการบ้านพักให้ทหารเกษียณอายุย้ายออก ทั้งนี้ ในประชุม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะกมธ.ได้ซักถามเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวยืนยันว่า ไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับประชาชน เพราะทหารก็ถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง จึงทำให้เข้าใจถึงความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในถึงภายนอก แม้จะมีบางครั้งอาจจะมีวาทะหรือคำพูดบางอย่างออกไป ก็ถือเป็นบทบาทหน้าที่ ในฐานะประชาชนและข้าราชการ ตนไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกลไกทางการเมือง ที่สภาผู้แทนราษฎรจะต้องเสนอผ่านกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็ยินดีที่จะเปิดให้มีการแก้ไขเป็นไปตามกฏหมาย ทางด้าน นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณากรณีอนุกมธ.แผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 บางคน เรียกเงินจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 5 ล้านบาทว่า จากการสอบถาม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ยืนยันต่อกมธ.กฎหมายว่า มีอนุกมธ.ได้โทรศัพท์มาเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ เพื่อไม่ให้ตัดงบของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจริง โดยรายละเอียดต่างๆ ทางอธิบดีระบุว่า ได้ทำรายงานเสนอไปถึงผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว มีทั้งชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ โดยล่าสุดคณะกมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งอนุกมธ.ขึ้นมาตรวจสอบแล้ว และได้ส่งเอกสารต่างๆ ไปเรียบร้อย และให้กมธ.กฎหมาย ไปติดต่อขอรับเอกสารเพื่อค้นหาข้อมูลและข้อเท็จจริงมาตรวจสอบอีกครั้ง ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ.กฎหมาย กล่าวว่า แม้การสอบถามอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ยังมีความเป็นกังวลในการให้ข้อมูลต่อกมธ. แต่ท่านได้ยืนยันข้อเท็จจริงแล้วว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นการให้ร้ายส.ส.คนใด โดยกมธ.รับทราบว่า ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ทางนายศักดิ์ดาได้ทำเอกสารถึงปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเพื่อรายงานข้อเท็จจริงแล้ว ทางกมธ.จึงจะเรียกเอกสารหลักฐานดังกล่าวจากปลัดกระทรวงฯเพื่อมาพิจารณาศึกษาแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้เอกสารฉบับนี้จะส่งไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) องค์กรภายนอกให้ตรวจสอบแล้ว แต่การตรวจสอบภายในสภาฯ โดยเฉพาะการตรวจสอบจริยธรรมของผู้เป็นส.ส.ก็จำเป็นต้องดำเนินการเช่นกัน