นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ข้าวแห่งชาติ 5 ปี (2563-2567) เพื่อกำหนดการผลิตข้าวใหม่ โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม เพื่อหวังเข้าไปทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น โดยขณะนี้หลายฝ่ายทั้งภาคเกษตรกรและผู้ส่งออกข้าวส่วนใหญ่ต่างยอมรับพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มของไทยและคาดว่ามีโอกาสสูงที่จะไปทำตลาดข้าวในต่างประเทศได้อย่างมาก และน่าจะเป็นพันธุ์ข้าวชนิดใหม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งข้าวไทยได้อย่างแน่นอน แต่การที่เป็นพันธุ์ข้าวชนิดใหม่การทำตลาดจะต้องได้รับการรับรองจากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อน เพื่อจะได้สะดวกต่อการนำชนิดพันธุ์ข้าวนุ่มที่ได้รับการรับรองไปประชาสัมพันธ์ทำตลาดในต่างประเทศ ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศได้รับข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย โดยเฉพาะสถานการณ์ข้าวไทยในตลาดต่างประเทศมีราคาสูงกว่าคู่แข่งขันมาก ทำให้หลายประเทศหันไปสั่งซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทน สาเหตุมาจากค่าเงินบาทแข็งขึ้นทำให้ราคาข้าวไทยสูง เมื่อ 2 สัปดาห์ค่าเงินอ่อนค่าลงมาบ้าง แต่เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นอีก จึงเป็นปัญหาการทำตลาดข้าวไทยในตลาดโลก ดังนั้น หากไทยมีชนิดพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มเพิ่มเติมเข้ามาทำตลาดจะเป็นการเพิ่มทางเลือกช่องทางข้าวไทยอีกทางหนึ่ง “เอกชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับขั้นตอนการรับรองพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มจากกรมการข้าวนั้นอาจใช้เวลาพิจารณานาน เนื่องจากมีขั้นตอนมาก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มีการพูดคุยและหารือกับทางผู้บริหารกรมการข้าวแล้วจะลดขั้นตอนการรับรองพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มให้มีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งรายละเอียดขั้นตอนนั้นจะนำไปหารือในที่ประชุมยุทธศาสตร์ข้าวแห่งชาติปลายเดือนส.ค.นี้” โดยหากดูตัวเลขการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่เดือนม.ค.63-14 ส.ค.63 มียอดส่งออกไปตลาดโลกกว่า 3.4 ล้านตัน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 32 คิดเป็นมูลค่า 2,334 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.22