ญาติหนุ่ม อบต.ยอมตั้งทนายฟ้องเอง เอาผิด ตำรวจสายโหดเจตนาฆ่า​ งัดวงจรปิดโรงพักหลักฐานเด็ด ต้นเหตุการณ์ตาย ตร.ตั้งแง่ห้ามแพร่คลิป เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้า เกี่ยวกับการเสียชีวิตของ นายวิทยา โสภาวงค์ อายุ 40 ปี พนักงานขับรถ อบต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเสียชีวิตขณะ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองบ่อ อ.นาแก จ.นครพนม เข้าไปตรวจค้นจับกุม ขณะนั่งล้อมวงดื่มเหล้า กับกลุ่มวัยรุ่น ในบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านจำปา ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม เมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 จนกระทั่ง เป็นเหตุให้เสียชีวิตขณะตำรวจเข้าจับกุม โดยทางญาติผู้เสียหาย คือ นายวรเทพ แขมคำ อายุ 43 ปี ญาติผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นางสาวณัชฐ์ชญา แขมคำ อายุ 33 ปี นายศราวุฒิ โสภาวงค์ อายุ 38 ปี น้องสาว น้องชาย ผู้เสียชีวิต นางสาวกนกพร พงษ์พันษ์ อายุ 38 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต และญาติพี่น้อง ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม ทั้งประท้วงตำรวจ แห่โลงศพ เนื่องจากเชื่อว่าผู้ตายถูกตำรวจชุดสืบสวน ทำร้ายร่างกาย และไม่ยอมส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล เป็นต้นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งทางแพทย์โรงพยาบาลอำเภอนาแก ได้ ยืนยันว่า เสียชีวิตก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาล ก่อนที่จะส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น แพทย์รับรองการเสียชีวิตเบื้องต้น ว่า มีเลือดออกในช่องท้อง และตับไต ฉีกขาด แต่ยังรอผลชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง ทางญาติจึงตัดสินใจไม่ยอมเผาศพ เพื่อเรียกร้องเอาผิดตำรวจ ล่าสุดทางด้าน พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนคพรนม ได้มอบหลักฐานคลิปจากกล้องวงจรปิดของโรงพัก สภ.หนองบ่อ ที่บันทึกภาพเหตุการณ์วันเสียชีวิตทั้งหมด ให้กับญาติผู้ตาย หลังออกมาเรียกร้องหลายครั้ง โดยก่อนนี้ทางตำรวจไม่สามารถให้ได้ ต้องขออนุญาตตามขั้นตอน นอกจากนี้ยังได้มีเงื่อนไขหลังมอบให้ ได้ห้ามญาตินำไปเผยแพร่ เพราะเป็นหลักฐานทางราชการ ทั้งนี้ทางญาติจึงได้ได้นำคลิปหลักฐาน จากกล้องวงจรปิดภายในโรงพัก สภ.หนองบ่อ อ.นาแก สถานที่เกิดเหตุ หลังชุดสืบสวน มีการคุมตัวผู้เสียชีวิตมาที่โรงพัก มายืนยันต่อสื่อมวลชน ว่าภาพหลักฐานชัดเจนตำรวจเป็นต้นเหตุทำให้เสียชีวิต ซึ่งช่วงเกิดเหตุ เวลาประมาณ 22 .20 น. ของ วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 มีตำรวจชุดสืบสวน 3 นาย ได้หามผู้ตายในสภาพหมดสติ ลักษณะหามขา และแขนทั้ง 2 ข้าง มาวางบนพื้น ทางขึ้นโรงพัก ก่อนที่จะมีการกรอกน้ำ 1 ครั้ง แต่ไม่พยายามให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล โดยญาติระบุว่า เป็นการกระทำที่เลือดเย็น มีการยืนดูด้วยความยิ้มแย้ม อีกทั้ง ยังใช้เท้าเขี่ย ปล่อยให้เวลา ล่วงเลย ไปกว่า 30 นาที จึง พากันหามขึ้นรถยนต์กระบะ นำส่งโรงพยาบาลอำเภอนาแก แต่แพทย์ระบุว่า เสียชีวิต แล้ว สอดคล้องกับมีกลุ่มวัยรุ่นในเหตุการณ์ ยืนยันว่า ผู้ตายร้องขอความช่วยเหลือให้นำส่งโรงพยาบาล ตั้งแต่จุดจับกุม ในหมู่บ้าน แต่ตำรวจไม่สนใจ นายวรเทพ แขมคำ อายุ 43 ปี ญาติผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินคดี หลังเรียกร้องขอความเป็นธรรม ทางญาติ พอใจแค่ระดับหนึ่ง หลังตำรวจมีการตั้งทีมสอบสวน รวมถึง ย้ายตำรวจเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ 8 นาย แต่ยังมีความกังวลถึงความล่าช้า ขั้นตอนในการดำเนินคดี เกรงว่า ตำรวจที่กระทำผิดจะรับโทษไม่สาสม เพราะต้องใช้เวลาในการสรุปสำนวนส่ง ปปช. เนื่องจากดูหลักฐานวงจรปิดมั่นใจ ชัดเจนว่าเป็นต้นเหตุ และโหดร้าย เกินคน ไม่คิดว่า ตำรวจผู้ดูแลประชาชน จะมีจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ ทั้งนี้ในการดำเนินคดี ทางญาติได้ ตั้งทนายความ ดำเนินคดีฟ้องเอาผิดทางอาญา อีกทางควบคู่กันไปด้วย เพราะตำรวจชุดดังกล่าวจะต้องได้รับผิดโทษสูงสุดทุกข้อหา รวมถึงเจตนาฆ่าด้วย มีหลักฐานวงจรปิดเป็นหลักฐานสำคัญมัดตัว ซึ่งศพผู้ตาย จะไม่ยอมเผา จะเก็บไว้จนกว่าคดีจะได้ความชัดเจน และจะเรียกร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาความผิดทางวินัยสั่งตำรวจชุดดังกล่าว ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งทางญาติจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมถึงที่สุด ส่วน พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนคพรนม เปิดเผยความคืบหน้าคดี ว่า หลังเกิดเหตุ ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้ มีคำสั่งให้ตนติดตามดูแลคดี พร้อม ตั้ง คณะทำงานทีมสอบสวน ลงพื้นที่ สอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อสรุป สำนวน ส่ง ปปช.ตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จะต้องส่งสำนวนให้ ปปช.พิจารณาความผิด มีระยะเวลาตามกรอบกฎหมาย คือ 30 วัน จากนั้นเมื่อ ปปช.พิจารณา ความผิด จะได้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีอาญา รวมถึง การตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้ มีคำสั่ง ย้าย ตำรวจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สารวัตรใหญ่ สภ.หนองบ่อ และผู้ใต้บังคับบัญชา รวม 8 นาย ออกจากพื้นที่ มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ขาดจากตำแหน่งเดิม ยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และดำเนินคดี ตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน