รศ. สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะ เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ระบุว่า...
วันนี้สมศักดิ์เจียมได้เขียนจดหมายเปิดผนึกยื่นคำขาดต่อธนาธร โดยขีดเส้นตายถึงวันพรุ่งนี้ เพื่อบีบให้ธนาธรเข้าร่วมม็อบประชาชนปลดแอกในวันพรุ่งนี้
.
ซึ่งผมขอฟันธงว่าธนาธรจะทิ้งม็อบประชาชนปลดแอกวันพรุ่งนี้เพื่อเอาตัวรอด
.
*****
.
"ถอยคนละก้าว": อาการ "กระอักกระอ่วน" ของ ธนาธร / สุวินัย ภรณวลัย และเวทิน ชาติกุล
/////
... ธนาธรกับปิยบุตรเป็นคนช่วยกันสร้าง 'ปีศาจ'จำนวนมากขึ้นในสังคมไทยเพื่อสนองตัณหาทางการเมืองและอุดมการณ์ของตนเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ปวิณกับสมศักดิ์เจียมจะขโมย "ตะเกียงวิเศษ" ใบนี้ของธนาธรไปเสียแล้ว ....
.
และตอนนี้ธนาธรกำลังดิ้นรน "หาทางลง" ให้กับตัวเอง โดยไม่ยอมร่วมหัวจมท้ายพังไปพร้อมๆกับม็อบเยาวชนปลดแอก
.
14 สิงหาคม 2563 เดลินิวส์นำเสนอข่าว ธนาธรขอเป็นคนนำหลีกเลี่ยงการนองเลือด อาสาคุยกับนักศึกษา
.
เนื้อหาบางส่วน ธนาธร กล่าวว่า "การที่มีอาจารย์และดาราจำนวนมากออกมาสนับสนุนนักศึกษาแสดงว่าไม่เสียแนวร่วม" และ "คนที่ตื่นแล้วและต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงมีจำนวนมากเกินกว่าที่รัฐจะเข้าไปจัดการ"
.
จึงเป็นเหตุผลว่า รัฐต้องเปิดพื้นที่ให้พูดคุยเรื่องนี้กับอย่างเป็นสาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด
.
ที่น่าสนใจคือ ตอนท้ายข่าวมีการให้ผู้อ่านได้แสดงความเห็นต่อข่าวชิ้นนี้ จากจำนวนผู้อ่าน 27,732 คน มีผู้ไม่เห็นด้วยกับข่าวนี้ถึง 73%
.
ซึ่งประเด็นอยู่ที่ ตัวเลขนี้แปลว่าอะไร?
.
เบื้องต้นก่อน ธนาธรมีสมมุติฐานว่าข้อเสนอ10 ข้อของนักศึกษาทำให้ไม่เสียแนวร่วมและคนที่ตื่นแล้วมีเป็นจำนวนมาก ขัดแย้งกับ จำนวนเปอร์เซ็นต์ของความรู้สึกที่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
.
ซึ่งอาจแปลว่า คนที่ไม่ต้องการเห็นการท้าทายต่อต้านสถาบันฯของนักศึกษายังมีอยู่มากกว่าคนที่ตื่นแล้วและแนวร่วมอาจารย์ ดารา ก็ได้
.
หรือ อาจแปลว่า คนอ่านไม่เห็นด้วยกับธนาธรที่จะเป็นคนนำหลีกเลี่ยงการนองเลือด ก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ก็อาจมีความเป็นไปได้ย่อยๆอีก 2 แบบ คือ
.
1)คนอ่านอาจไม่เชื่อที่ธนาธรพูด (ซึ่งแสดงว่า สมมุติฐานของธนาธรผิด) หรือ
.
2) คนอ่านอาจเชื่อ (ถ้าสมมุติฐานของธนาธรถูก)แต่ไม่อยากเห็นธนาธรนำหลีกเลี่ยงการนองเลือด หรือง่ายๆก็คือ คนอ่านพร้อมที่จะนองเลือด ธนาธรไม่ต้องมาห้าม
.
ซึ่งถ้าอันที่สองเป็นจริง ก็เป็นอะไรเป็นอื่นไม่ได้นอกจากการส่งสัญญาณว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะในฐานะอะไรกับขบวนการปลดแอกก็สุดแล้วแต่
#กำลังสูญเสียภาวะการนำ ลงไปเรื่อยๆ
.
สิ่งนี้ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุผล
.
1. หลังจากนักศึกษายื่นข้อเสนอ 10 ข้อ แล้วเจอกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก จนเหล่า 357 อาจารย์ต้องรีบออกแถลงการณ์มาปกป้อง 3 วันระหว่างนั้น ธนาธร เงียบ ผิดสังเกต (จน เปลว สีเงิน ถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า ธนาธร ออกมาพูดครั้งนี้แบบกระมิดกระเมี้ยน) ผิดกับ ครั้งก่อนๆที่จะรีบออกมารับลูกอย่างจริงจังในทันที
.
2. คำพูดของ ธนาธร ล่าสุด แม้จะเจตนาหนุนช่วยนักศึกษาปลดแอก มีนัยที่ต่างออกไปจากครั้งก่อน เพราะธนาธร ("หลุด"?) พูดออกมาว่า "มีข้อเสนอบางข้อ มีความสุ่มเสี่ยง...ทำให้คนบางกลุ่มไม่สบายใจ" และย้ำว่า ต้องแยกออกระหว่าง "เนื้อหา" กับ "ท่าที" ที่บ่งชี้โดยนัยว่า ธนาธร กำลังสะท้อนว่า "ท่าที" ของนักศึกษานั้นไม่เหมาะสม ซึ่งน่าสังเกตว่านัยเชิงลบต่อ10ข้อเรียกร้องเหล่านี้ไม่ปรากฏแม้ในแถลงการณ์ของ 357 อาจารย์ หรือ จดหมายเปิดผนึกของปิยบุตร ที่ยืนกรานว่าสิ่งที่นักศึกษาทำทั้งหมดเป็นเรื่องถูกต้อง และที่สำคัญ ที่ผ่านมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ธนาธรไม่เคยพูดในลักษณะนี้มาก่อนเลย
.
หรือ ธนาธร ในฐานะ "ไอดอล" ผู้นำของฝ่ายประชาธิปไตย จะรับไม่ได้กับภาพ (ที่ผิดกฎหมายม.112) ของ "สมศักดิ์ เจียมฯ" และ "ปวิณ" ที่โชว์หราบนเวทีราคา 1.2 ล้านที่ลานพญานาคในคืนนั้น
.
ธนาธร ลงมาเล่นการเมืองด้วยอุดมการณ์ (ที่อันตราย) ทุ่มเททรัพยากร หมดเงิน หมดทอง หมดเวลา หมดกำลัง ไม่รู้เท่าไหร่ ในการสร้างกระบวนการและขบวนการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นไปตามความเชื่อความคิดของตน ธนาธรทำเรื่องนี้อย่างมียุทธศาสตร์ มียุทธวิธี มีจัดตั้ง แนวร่วม เครือข่าย กลไกสื่อนิวมีเดีย ที่ต้องอดทนใช้เวลากว่าที่จะเห็นขบวนการเด็กปลดแอกออกมาได้ขนาดนี้ ไม่นับว่าต้องตกเป็นเป้าโดยเปิดเผยของอีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เผชิญอุปสรรค แรงเสียดทานและการดำเนินการต่างๆอย่างหนักหน่วง ถูกยุบพรรค มีสิทธิ์ติดคุก องค์กรธุรกิจของครอบครัวที่เป็นเสาค้ำยันการเคลื่อนไหวของตนอาจต้องเผชิญมรสุมใหญ่อย่างที่ไม่เคยเจอ
.
ส่วน สมศักดิ์ เจียมฯ กับ ปวิณ นั้นไม่มีอะไรที่จะต้องเสีย ตัวเองหนีไปต่างประเทศ คอยปั่นหัวเก็กฝ่ายโซเซียล อำนาจรัฐจะไปจัดการก็ยาก สมศักดิ์ เจียมฯแม้อยากเปลี่ยนแปลง แต่สภาพนอนเป็นผัก ได้แค่กระพริบตามองฝันว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงก่อนตาย ขณะที่ปวิณนั้นไม่ต้องพูดถึงไม่ได้สนใจยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีอะไรทั้งนั้นของธนาธร ขอเพียงได้ ด่า ด่า และ ด่า สถาบันฯ สนองความคลั่งแค้นของตัวเองเท่านั้น
.
ถ้าธนาธรไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับขบวนการปลดแอก ความแตกต่างระหว่าง เนื้อหา และ ท่าที ของนักศึกษาย่อมไม่มี และต้องถือว่าเป็นเรื่องดีด้วยเพราะหนุนรับกับอุดมการณ์ของตนเมื่อเห็นความศรัทธาต่อสถาบันฯถูกกร่อนแซะทำลายไปเรื่อยๆ
.
แต่ธนาธรกลับ กระมิดกระเมี้ยน ละล้าละลัง อย่างผิดสังเกต หลังวันที่ 10 สิงหาคม และสอดรับกับแถลงการณ์ของประชาชนปลดแอก ที่กลับมาเน้นข้อเสนอ 3 ข้อเดิม (ยุบสภา, หยุดคุกคาม และ แก้รัฐธรรมนูญ) และ ยุบข้อเสนอ 10 ข้อ เหลือเพียง 1 ความฝัน (ที่อาจเป็นจริงได้) เท่านั้น
.
อย่าคิดว่า ธนาธร จะถอยไม่เป็น เพราะแม้จะมุทะลุเพียงใด แต่ในยามที่ตัวเองอ้างว้างโดดเดี่ยว ใกล้ตายอยู่บนเรือพายคนเดียวกลางอ่าวไทย ธนาธร ก็เพรียกหาและดีใจที่มีคนมาช่วย นั่นไม่ต้องพูดถึงว่า ธนาธร เป็นนักธุรกิจแบบทักษิณ จะไม่เสี่ยงถ้าต้องทำให้ผลประโยชน์ของตัวเองฉิบหายลงไปต่อหน้าทั้งหมด
.
คำพูดและท่าทีแบบ "ถอยคนละก้าว" ของธนาธร จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสะท้อนถึง "ความกระอักกระอ่วน" ของตน ซึ่งไม่ใช่ความกระอักกระอ่วนที่ตนเองพูดไม่ได้หรือไม่กล้าพูดเรื่องสถาบันฯ
.
แต่เป็นความ "กระอักกระอ่วน" ที่กำลัง "หาทางลง" เมื่อเห็นว่า ทุกสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมดตลอดหลายสิบปีกำลังพังพินาศลงไปต่อหน้าต่อตา เพราะเด็กๆที่เคยเชื่อตนเองกลับไปเชื่อเกย์แค้นเจ้าแบบไม่ลืมหูลืมตา
.
และตัวธนาธรเองคงตระหนักแล้วว่าไม่มีอำนาจพอที่จะไปคุมเด็กๆเหล่านี้ได้อีกแล้ว
.
... ธนาธรกับปิยบุตรเป็นคนช่วยกันสร้าง 'ปีศาจ'จำนวนมากขึ้นในสังคมไทยเพื่อสนองตัณหาทางการเมืองและอุดมการณ์ของตนเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ปวิณกับสมศักดิ์เจียมจะขโมย "ตะเกียงวิเศษ" ใบนี้ของธนาธรไปเสียแล้ว ....