PPS เผยแนวโน้มธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาครึ่งปีหลัง ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ลุ้นรับงานใหม่หลายแห่ง พร้อมเดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชน หนุน Backlog 509.29 ล้านบาท ด้านโครงการยามู เตรียมดำเนินการตามแผน คาดรับรู้รายได้ในปีนี้ ขณะที่งบครึ่งปีแรกรายรวมได้ 198.31 ล้านบาท ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็นงานภาครัฐอาทิ โครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 งานศูนย์ราชการแห่งใหม่ โครงการจากกรมโยธาธิการ งานภาคเอกชนอาทิ โครงการ Block H Emsphere และโครงการค้าปลีก นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเสนองานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเริ่มงานโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับเส้นที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่จะดำเนินการก่อสร้างในปีนี้ รวมถึงรอยื่นประมูลงานภาคเอกชนเพิ่มเติมในกลุ่ม Retail งานโรงแรม ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 509.29 ล้านบาท โดยบริษัทมีสัดส่วนงานภาครัฐอยู่ที่ 60.75% ภาคเอกชนอยู่ที่ 39.25% ขณะที่โครงการยามู ฝ่ายบริหารประเมินสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจในโครงการ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาดได้ดี นักลงทุนต่างชาติจึงให้ความสนใจที่จะซื้อสินทรัพย์ในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภท Hi-end ประกอบกับพื้นที่ของโครงการเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการของนักลงทุนสูง จึงคาดว่าจะดำเนินการขายได้ตามแผน และบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากการก่อสร้างบ้านภายในปี 2563 สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2563 บริษัทมีรายได้รวม 198.31 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 242.45 ล้านบาท จำนวน 44.15 ล้านบาท หรือลดลง 18.21% และขาดทุนสุทธิ 19.90 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.03 ล้านบาท จำนวน 29.93 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 90.59 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 112.04 ล้านบาท จำนวน 21.45 ล้านบาท หรือ ลดลง 19.14% และขาดทุนสุทธิ 11.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 1.86 ล้านบาท จำนวน 9.86 ล้านบาท ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงส่งมอบงานโครงการเก่าที่เคยรับรู้รายได้สูงในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว อีกทั้งโครงการขนาดใหญ่บางโครงการได้รับผลกระทบจากการปรับแผนงานและต้นทุนโครงการ ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้รายได้บางส่วน รวมถึงบริษัทมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากค่าเช่าในการขยายสำนักงาน ค่าที่ปรึกษาภายนอก และมีผลขาดทุนจากตราสารทางการเงิน จำนวน 4.69 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทได้รับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชนเมื่อปลายปี 2562 และได้เริ่มดำเนินงานตามแผนก่อสร้างแล้ว รวมถึงโครงการขยายสาขาของห้างธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ซึ่งถือเป็นช่วงเริ่มแรกของโครงการ ทำให้การเติบโตของรายได้จึงยังไม่สูงมากนัก