จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พญาไท รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตที่บริเวณประตูด้านหลังรพ.ราชวิถี ถนนโยธี ซอยโยธี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนายสัญชาย วันงาม อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัททีเอสจี(T.S.G) มีบาดแผลถูกของมีคมฟันบริเวณศีรษะและมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณลำคอใกล้กันนอนเสียชีวิต ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายภัทรพงศ์ เครือนาค หรือ ต้อย อายุ 28 ปี อดีตพนักงานเวรเปล รพ.ราชวิถี ประจำสถาบันโรคผิวหนัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการออกหมายจับและอยู่ระหว่างติดตามตัว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่10 มิ.ย.60 ที่ผ่านมา ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น ที่ สน.พญาไท ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 มิ.ย.60 พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.เดินทางมาเรียกประชุมและดูความคืบหน้าของคดีดังกล่าวว่า จากการติดตามการทำงานและเร่งรัดคดีนั้นพบว่า หลังจากการสอบสวนเสร็จก็ออกหมายจับแล้วเหลือทางฝ่ายสืบสวน ดำเนินการโดยทางกองสืบสวน บก.น.1และ สน.พญาไท ขอเวลาพิสูจน์ทราบให้แน่นอน ตอนนี้เราพบวัตถุพยานบางอย่างที่เชื่อว่าคนร้ายหลบหนีอยู่บริเวณดังกล่าวใกล้กับวัตถุพยาน ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะหนีออกจาก กทม.แล้ว โดยน่าจะหลบหนีอยู่บริเวณเขตปริมณฑล นอกจากนี้อยากฝากถึงผู้ที่มีข้อมูลหรือเบาะแสของผู้ต้องหารีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที และหากมีคนใดมีส่วนช่วยผู้ต้องหาในการหลบซ่อนหรือหลบหนีจะต้องโทษอาญามาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่าจากการสอบสวนสาเหตุหลักที่ก่อเหตุก็ยังคงเป็นเรื่องที่จอดรถ ส่วนสาเหตุก่อนเกิดเหตุนั้นยังไม่พบข้อมูลใดๆ แต่หากเป็นเรื่องเพียงแค่ที่จอดรถก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะเป็นเรื่องเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อวานนี้(11 มิ.ย.)ได้ทำการสอบสวนบิดาและมารดาเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาได้มีการติดต่อมาแต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ภายใน 1-2 วันนี้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เคยมีประวัติถูกจับเรื่องเสพยาเสพติด เมื่อปี 59 นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหามีญาติเป็นนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.พระนครศรีอยุธยา อีกด้วย พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของคดีอุ้มชาวญี่ปุ่นว่า ขณะนี้ทางผู้เสียหายไม่พร้อมให้การ แต่ได้ให้ฝ่ายสืบสวนสอบถามข้อมูลเบื้องต้นแล้ว และมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยมีข้อมูลว่าอาจเป็นการอุ้มเรียกค่าไถ่ แต่ก็ยังต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัด จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา3 คนยังไม่พบประวัติอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งดูจากฐานะความเป็นอยู่ของลีโอแล้วไม่น่าจะมีเงินค่าจ้างผู้อื่นได้ ซึ่งอาจเป็นไปได้สูงว่ามีนายทุนหนุนหลังอยู่ ขณะนี้จะทำการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้เสียหายด้วยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร