พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า...ปัญหาท่ี มธ.รังสิต เกิดขึ้นได้อย่างไร (ตอนที่1) ? การตรวจสอบสภาพความเป็นจริงและบรรยายกาศของการจัดงานเมื่อ 10 ส.ค.ที่ มธ.รังสิต จากผู้เข้าร่วมชุมนุมในคืนนั้น ซึ่งมีทั้งนักศึกษา มธ.เอง ผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้ที่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปสังคมที่เดินทางไปร่วมชุมนุม และ จนท.ที่ไปดูแลความปลอดภัย พบว่า 1️⃣ในพื้นที่ไกล้เคียง ม.ธรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพ นั้น มีเยาวชนอยู่หอพักของเอกชน จำนวนมาก เป็นกลุ่มเยาวชนจากพื้นที่ห่างไกลจาก พ่อแม่ และครอบครัว ส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนหารายได้เสริม จึงจะอยู่ได้ บางคนต้อง เช่าหออยู่ร่วมกัน เพื่อลดค่าใช้จ่าย หลายคนต้องทำงานหารายได้พิเศษ เช่น เป็นแคดดี้ กอล์ฟรอบค่ำที่รายได้ดีมาก ทำงานตามห้างร้านต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง ฯลฯ เด็กส่วนนี้จึงมีประสบการณ์ในชีวิตสูงกว่าเด็ก ท่ีอยู่ในหอของมหาวิทยาลัย ชักจูงได้ยากกว่า การเข้าไปดูจึง เป็นเรื่องของการพักผ่อนเท่านั้น เมื่อกลับหอก็นึกได้ว่า คนจัดมุ่งหมายอะไร (เด็กพวกนี้จึงฉลาด และกล้าหาญ กว่า อาจารย์หลายๆคน) 2️⃣ การจัดงานท่ี มธ.รังสิต ก็เหมือนกับฟรีคอนเสิร์ต ท่ีเต็มไปด้วยสีและแสง ลงทุนเต็มท่ี ผู้เข้ารับชมจะเป็นเด็กตามหอพักเสียส่วนใหญ่ โดยมีกลุ่มจัดตั้ง แทรกซึมเป็นหน้าม้า คล้ายการจัดเกมส์โชว์ทางทีวี ซึ่งกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ไม่ขัดสนนัก มีบ้านอยู่กับพ่อแม่ และไม่ต้องทำงานเพื่อหารายได้สำหรับเป็นค่าเล่าเรียน ค่าหอพัก แต่มักเป็นโรคติดเพื่อน ติดปาร์ตี้ บางครั้งก็ลองยาเล่นบ้าง และเฮไหนเฮกัน ตามกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อความสนุกสนาน ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในทุกยุค โดยเฉพาะในโลกยุคที่สังคมออนไลน์กำลังเฟื่องฟู 3️⃣ เรื่องของการล่วงละเมิดสถาบันฯท่ีเกิดขึ้นนั้น เยาวชนท่ีเข้าดูกว่าครึ่งหนึ่ง ก็แสดงออกหลังจากนั้นว่าไม่เห็นด้วย ท่ีอินกันจริงๆก็อยู่ที่กลุ่มจัดตั้งบริเวณหน้าเวที ที่เห็นกันในภาพ/คลิป 4️⃣ กรณีนี้จึงเป็นตัวอย่างท่ีทางมหาวิทยาลัยทุกแห่งควรจะต้องเข็มงวด ไม่ใช่กลัวเด็กลนลานถึงขนาดออกมาแถลงว่า "ถ้าเด็กถูกจับกุมก็จะไปประกันตัวออกมา" เรื่องที่เลยเถิดไปทั้งหมด นอกจากต้องลงโทษผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งถ้าจะไล่หาตัวกันจริงๆ ก็สามารถทำได้ง่ายๆว่ามาจากไหน และต้องโทษผู้บริหารมหาวิทยาลัยด้วย เพราะสามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ก็ยังปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่มีการควบคุม เมื่อดูแล้วนักศึกษาทั่วไปกับชาวต่างชาติท่ีถูกกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเชิญมานั้น ล้วนแต่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของนักการเมืองบางคน ถ้าไม่ไปดูก็จะถูก เพื่อนล้อว่าเป็นพวก "สลิ่ม" ครูอาจารย์ก็กลัวเด็ก เพราะถ้าเด็กรวมหัวกันต่อต้าน ก็อาจตกงานเอาง่ายๆ ยิ่งในยุคนี้เด็กไม่ค่อยนิยมเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยด้วย ส่วนชาวต่างชาติก็ต้องการ แค่ผลงานรายงานกลับประเทศ สรุปทุกคนเอาตัวรอดหมด ผลท่ีจะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครสนใจ..! คนไทยต้องตื่นขึ้นมาพูดมาเขียน เพื่อให้ทันต่อกระแสร์โต้ตอบจากกลุ่มอวตารท่ีจัดตั้งมาคนเดียว10ชื่อ ชื่อหนึ่งด่า อีกชื่อสนับสนุน อีก2ชื่อเยินย่อชื่อแรก......ครับ