เมื่อวันที่ 2 ส.ค.นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ) มีมติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ปัญหาหลักที่กลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ออกมาแสดงพลังจุดแฟลชม็อบทั่วประเทศ เพราะกติกาการเลือกตั้งและการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีในรัฐธรรมนูญปี 2560 บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน สร้างปัญหา ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกอย่างหนัก ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความจริงใจ จะถอดสลักความขัดแย้งจากสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ เพียงเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องเร่งด่วน 2 เรื่อง คือ 1.เปลี่ยนกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ คือ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ตรงตามเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งส.ส.ของประชาชน 2.ยกเลิกบทเฉพาะกาล ตัดสิทธิ์ ส.ว.ไม่ให้ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หากแก้ 2 เรื่องนี้ ยังต้องใช้เวลานาน อาจพิจารณาใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 มาจัดการเลือกตั้งเพื่อหยุดความขัดแย้ง แล้วกลับมาแก้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ เชื่อมโยงองค์กรอิสระ โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยแท้ "ทุกปัญหารอไม่ได้ โมเดลซื้อเวลา จัดม็อบชนม็อบ ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส สารพัดศึกประชิดรอบด้าน จะท่องคาถาเฝ้าระวังโควิดระลอก 2 อยู่อย่างเดียวไม่ได้ การฟื้นตัวจากโควิดยังลูกผีลูกคน มีคนตกงานจากโควิดแล้วเกือบ 5 ล้านคน คาดว่าสิ้นปีจะมีคนตกงานเฉียด 10 ล้านคน ทีมเศรษฐกิจชุดเก่าอยู่มา 6 ปี ยังโบกมือบอกศาลา แล้วจะไปคาดหวังอะไรกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ตราบที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังเป็นพล.อ.ประยุทธ์รัฐธรรมนูญ ฉบับเอื้อการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องจบ เลิกกีดกันประชาชนออกจากการมีส่วนร่วมทางการเมือง สร้างกติกาที่เป็นประชาธิปไตย แก้ไขการเมืองที่ไม่เท่าเทียม” นายอนุสรณ์ กล่าว