NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ โอกาสดี! #ดาวหางนีโอไวส์ ยังคงติดตามได้ด้วยกล้องส่องทางไกลหรือกล้องสองตา ในช่วงเดือนสิงหาคม
แม้ว่าดาวหางนีโอไวส์ C/2020 F3 (NEOWISE) จะผ่านช่วงที่โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 และเข้าใกล้โลกที่สุดวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ไปแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยในเดือนสิงหาคม ยังคงสามารถเฝ้าติดตามสังเกตดาวหางผ่านกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ได้
#ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับสังเกตการณ์ ในเดือนสิงหาคมนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 – 20 สิงหาคม 2563 ดาวหางนีโอไวส์จะปรากฎในตำแหน่งที่สูงจากขอบฟ้ามากกว่า 40 องศา และจะเคลื่อนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ออกห่างจากมวลอากาศหนาแน่นบริเวณเส้นขอบฟ้า ถึงแม้ว่าดาวหางจะโคจรออกห่างจากโลกไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถสังเกตการณ์ได้ด้วยกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ นอกจากนี้ ในแต่ละคืนยังมีเวลาสังเกตการณ์ได้ยาวนานขึ้นกว่าช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอีกด้วย
#ตำแหน่งปัจจุบันของดาวหางดวงนี้ อยู่ใกล้กับบริเวณกลุ่มดาวผมเบเรนิซ (Coma Berenices) ปรากฏตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Bootes) และกลุ่มดาวหญิงสาว (Virgo) จากข้อมูลการสังเกตการณ์ของนักดาราศาสตร์พบว่า ความสว่างของดาวหางดวงนี้ไม่ได้ลดลงดังเช่นที่คำนวณไว้ ปัจจุบันมีค่าอันดับความสว่างปรากฎ 5 (ดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าสว่างน้อยที่สุดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามีค่าอันดับความสว่างปรากฎ 6 [ค่าตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งสว่างมาก])
ดาวหางนีโอไวส์มีหางฝุ่นและหางไอออนแยกออกจากกันอย่างชัดเจน สำหรับหางไอออนหรือหางแก๊สนั้นพบว่ามีองค์ประกอบเป็นโซเดียม คล้ายกับดาวหางชื่อดังที่พบในอดีต เช่น ดาวหางเฮล-บอปป์ (Hale–Bopp) และดาวหางไอซอน (ISON) และจากการศึกษาในย่านรังสีอินฟราเรดพบว่านิวเคลียสของดาวหาง มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 กิโลเมตร ขนาดใกล้เคียงกับดาวหางสว่างในอดีตอย่างเช่น ดาวหางเฮียกูตาเกะ (Hyakutake) และดาวหางคาบสั้นอื่นๆ อีกหลายดวง
#อุปกรณ์สังเกตการณ์
อุปกรณ์พื้นฐานเบื้องต้นสามารถใช้กล้องสองตาหรือกล้องส่องทางไกลที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 7-10 เท่า ขนาดหน้ากล้องไม่น้อยกว่า 50 มิลลิเมตรขึ้นไป เพื่อให้มีกำลังรวมแสงที่เพียงพอต่อการสังเกตการณ์
#สถานที่สังเกตการณ์
สถานที่สังเกตการณ์ดาวหาง ควรเป็นสถานที่ที่ฟ้าใสเคลียร์ ไม่มีเมฆบดบัง เป็นพื้นที่ค่อนข้างสูง มีมุมมองเปิดกว้างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยจะเริ่มสังเกตดาวหางได้ชัดเจนในเวลาประมาณ 20:00 น. เป็นต้นไป
เรียงเรียง : ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ - หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร.
อ้างอิง
[1] https://www.cobs.si/…
[2] https://theskylive.com/c2020f3-info
#ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับสังเกตการณ์ ในเดือนสิงหาคมนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 – 20 สิงหาคม 2563 ดาวหางนีโอไวส์จะปรากฎในตำแหน่งที่สูงจากขอบฟ้ามากกว่า 40 องศา และจะเคลื่อนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ออกห่างจากมวลอากาศหนาแน่นบริเวณเส้นขอบฟ้า ถึงแม้ว่าดาวหางจะโคจรออกห่างจากโลกไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถสังเกตการณ์ได้ด้วยกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ นอกจากนี้ ในแต่ละคืนยังมีเวลาสังเกตการณ์ได้ยาวนานขึ้นกว่าช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอีกด้วย
#ตำแหน่งปัจจุบันของดาวหางดวงนี้ อยู่ใกล้กับบริเวณกลุ่มดาวผมเบเรนิซ (Coma Berenices) ปรากฏตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Bootes) และกลุ่มดาวหญิงสาว (Virgo) จากข้อมูลการสังเกตการณ์ของนักดาราศาสตร์พบว่า ความสว่างของดาวหางดวงนี้ไม่ได้ลดลงดังเช่นที่คำนวณไว้ ปัจจุบันมีค่าอันดับความสว่างปรากฎ 5 (ดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าสว่างน้อยที่สุดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามีค่าอันดับความสว่างปรากฎ 6 [ค่าตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งสว่างมาก])
ดาวหางนีโอไวส์มีหางฝุ่นและหางไอออนแยกออกจากกันอย่างชัดเจน สำหรับหางไอออนหรือหางแก๊สนั้นพบว่ามีองค์ประกอบเป็นโซเดียม คล้ายกับดาวหางชื่อดังที่พบในอดีต เช่น ดาวหางเฮล-บอปป์ (Hale–Bopp) และดาวหางไอซอน (ISON) และจากการศึกษาในย่านรังสีอินฟราเรดพบว่านิวเคลียสของดาวหาง มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 กิโลเมตร ขนาดใกล้เคียงกับดาวหางสว่างในอดีตอย่างเช่น ดาวหางเฮียกูตาเกะ (Hyakutake) และดาวหางคาบสั้นอื่นๆ อีกหลายดวง
#อุปกรณ์สังเกตการณ์
อุปกรณ์พื้นฐานเบื้องต้นสามารถใช้กล้องสองตาหรือกล้องส่องทางไกลที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 7-10 เท่า ขนาดหน้ากล้องไม่น้อยกว่า 50 มิลลิเมตรขึ้นไป เพื่อให้มีกำลังรวมแสงที่เพียงพอต่อการสังเกตการณ์
#สถานที่สังเกตการณ์
สถานที่สังเกตการณ์ดาวหาง ควรเป็นสถานที่ที่ฟ้าใสเคลียร์ ไม่มีเมฆบดบัง เป็นพื้นที่ค่อนข้างสูง มีมุมมองเปิดกว้างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยจะเริ่มสังเกตดาวหางได้ชัดเจนในเวลาประมาณ 20:00 น. เป็นต้นไป
เรียงเรียง : ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ - หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร.
อ้างอิง
[1] https://www.cobs.si/…
[2] https://theskylive.com/c2020f3-info