"บิ๊กตู่" ย้ำห่วง "ม็อบ" ชุมนุม สั่งตำรวจใช้กฎหมายให้เหมาะสม "โฆษกตร."เผยนายกฯเอาจริงสั่งดำเนินคดีเด็ดขาด "แกนนำผู้ชุมนุม" ติดคดีเก่าไม่เข็ดปลุกมวลชนทำผิดซ้ำซาก "บิ๊กป้อม"กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลทุกม็อบด้วยความอดทน-ระวังเผชิญหน้า-ยั่วยุ จุดชนวนใช้ความรุนแรง "เพื่อไทย" เตือนสติ "ม็อบชนม็อบ" จบลงด้วยการสูญเสีย-ยึดอำนาจ พร้อมฝาก"นายกฯ-ประชาชน" คิดให้มากๆ ด้าน"อนุสรณ์"แนะวิธีหยุดม็อบ "บิ๊กตู่" เลิกลอยตัวเหนือ ปัญหา-จริงใจเร่งแก้รธน. "เพื่อไทย"เดินหน้าปักธงเลือกตั้งสนามกทม. เล็งเชิญ "ชัชชาติ" เป็นผู้สมัครในนามพรรค ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อวันที่ 30ก.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และการประ ชุมคณะกรรมนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) ว่า วันนี้มีความเป็นห่วงและกังวล ต่อการชุมนุมต่างๆ และได้มอบหมายให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพิจารณาการใช้กฎหมายให้เหมาะสม คงไม่ต้องสั่งอะไรมากในเรื่องดังกล่าว ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับให้ตำรวจดำเนินคดีเด็ดขาดกับกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมที่มีหมายจับค้างเก่า และมีคดีติดตัว หรือได้รับการประกันตัวออกมา แล้วกลับมายุยงปลุกปั่นให้เกิดการชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ส่วนกลุ่มนักศึกษาและเยาวชนที่มีการออกมาเคลื่อนไหว แสดงออกและอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายขอให้ยึดปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ โดยการแจ้งการชุมนุมก่อนล่วงหน้า ซึ่งตำรวจไม่ขัดข้องหากเป็นการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตย พล.ต.ท.ปิยะ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่อรองรับผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอกว่า ไม่เป็นความจริง โดยหน่วยงานความมั่นคงได้มีการตรวจสอบไปยังตำรวจตระเวนชายแดนแล้วพบว่า เป็นการสั่งการภายในของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อตรวจสอบและจัดการสถานที่ตามปกติ ไม่ได้มีนัยยะใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะตำรวจ เข้าไปช่วยดูแลความปลอดภัยของทุกกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ โดยขอให้เพิ่มมาตรการคัดกรอง ไม่ให้มีการแทรกแซงหรือใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อกัน และให้ระมัด ระวังการเผชิญหน้าและยั่วยุกันของทุกกลุ่มชุมนุมที่อาจมีความเห็นและจุดยืนต่างกัน ซึ่งอาจเป็นเงื่อนไขของการใช้ความรุนแรงต่อกันได้และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน ใช้ความความสุภาพ และระมัดระวังอย่างที่สุด ด้าน นายสุทิน คลังเแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวว่า ขณะนี้ทราบว่าจะมีผู้ชุมนุมออกมาสนับสนุนรัฐบาล และต่อต้านผู้ชุมนุมอีกฝ่าย ซึ่งตนขอฝากนายกฯ และทุกคนว่า วันนี้คนไทยทุกคนต้องคิดให้มาก เพราะลักษณะอย่างนี้เป็นโมเดลที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต เมื่อมีผู้ชุมนุมฝ่ายหนึ่งแล้ว รัฐบาลก็จะเอาผู้ชุมนุมอีกฝ่ายหนึ่งมา แต่สุดท้ายจบลงไม่ดี และทำให้เกิดความสูญเสียและยึดอำนาจ เหมือนในปี 49 และ57 ที่เกิดม็อบชนม็อบ ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้านายกฯ มีความจริงใจ จะถอดสลักความขัดแย้งจากสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ที่แผ่ขยายวงกว้างออกไปในแทบทุกจังหวัดต้องหยุดซื้อเวลา ลอยตัวเหนือปัญหา แสดงภาวะผู้นำ การแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใต้แนวคิดการตั้ง ส.ส.ร. เป็นแนวทางที่ดี แต่อาจช้า และใช้เวลามาก ดังนั้น ขอเสนอว่า นายกฯต้องมีความจริงใจโดยการประกาศลาออก แล้วยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถถอดสลัก ความขัดแย้งได้ รวมทั้งแก้ไขรัฐธรรม นูญ โดยเปลี่ยนกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ คือ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ตรงตามเจตนารมณ์ ในการเลือก ส.ส.ของประชาชน และยกเลิกบทเฉพาะกาล ตัดสิทธิ์ ส.ว.ไม่ให้โหวตเลือกนายกฯ ส่วน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธ ศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมส.ส.ร่วมแถลงผลการหารือของพรรคในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าณกทม. ทั้งนี้ นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคได้หารือและมีฉันทามติว่าจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อย่างแน่ นอน โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาบุคคลผู้มีความเหมาะสมลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะเห็นว่าคุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้เหมาะสมและมีความคุ้นเคย ดูแลส.ส.และประชาชนในพื้นที่กทม.มาโดยตลอด และยืนยันว่าไม่เป็นความจริงกรณีเกิดกระแสข่าว นายทักษิณ ชิณวัตร เป็นผู้ชี้ขาด ให้คุณหญิงสุดารัตน์ ลงสมัคร ผู้ว่าฯกทม. ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเตรียมแสวงหาผู้ร่วมอุดมการณ์ ผู้ที่มีคุณสมบัติ โดยคนแรกที่จะไปเทียบเชิญคือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาเป็นแคนดิเดต ผู้ว่าฯกทม. ในนามของพรรค เนื่องจากเป็นผู้ที่ทำงาน มีความรู้ความสามารถ ถือเป็นบุคคลที่ทำงานกับพรรคมานาน นอกจากนี้ ยังมีภาคเอกชนที่ให้ความสนใจจะลงสมัครเช่นกัน ซึ่งทุกคนจะต้องผ่านการคัดเลือกอีกครั้ง