ชาวบ้าน ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี กำลังจะนำอาหารไปให้แมวในกรงที่เลี้ยงไว้ 3 ตัว แต่ต้องผงะตกใจสุดขีด หลังพบงูเหลือมยาวเกือบ 6 เมตร นอนท้องป่องอยู่ในกรงเหล็กแทน เขมือบแมวทั้ง 3 เรียบ วันนี้ (27 ก.ค.63) เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยสว่างราชบุรี 3 คน ได้นำอุปกรณ์จับอสรพิษ เดินทางมาที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีงูเหลือมเข้าไปกินแมวอยู่ในกรงเหล็กภายในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เลขที่ 32 หมู่ 6 ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พบคนงานหลายคนกำลังมุงดูภายในกรงเหล็กมีงูเหลือมตัวใหญ่ยาวประมาณเกือบ 6 เมตร นอนท้องป่องอยู่ภายในกรง เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงพยายามช่วยกันจับนำงูออกมาจากกรง พาไปไว้บนพื้นดิน เพื่อให้งูขย้อนแมวออกมา โดยใช้เวลานานกว่า 10 นาที งูจึงค่อย ๆ ยอมขย้อนซากแมวที่อยู่ในท้องออกมาทางปากทีละตัว ในสภาพที่เน่าเปื่อยกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว และเริ่มทยอยตามมาด้วยตัวที่ 2 และตัวที่ 3 จนท้องงูแฟบลง หลังขย้อนแมวทั้ง 3 ตัวออกมาหมดแล้ว ทำงูเหลือมถึงกับเพลียหมดแรงนอนสงบนิ่งนานหมายนาที เจ้าหน้าที่ใช้มือพยายามจับคลำบริเวณลำตัวและคอยจับหัวเอาไว้ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัว นายจตุพร พวงพะยอม เจ้าหน้าที่กู้ภัยจุดหนองกลางแตง 02 มูลนิธิกู้ภัยสว่างราชบุรี เปิดเผยว่า ชาวบ้านแจ้งมาบอกให้มาจับอสรพิษกินแมวไป 3 ตัว จึงได้ช่วยกันจับก่อนที่งูพยายามขย้อนแมวออกมาจากท้อง จนคลายออกมาทีละตัว เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้ง ทั้งอยู่งูตัวใหญ่เข้าไปในห้องน้ำ หลังคาโรงงาน และที่อื่น ๆ อย่างตัวนี้หนักประมาณ 14 - 15 กก. ความยาวประมาณเกือบ 6 เมตร เป็นงูเพศเมีย หลังจากนี้ก็จะนำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติตามป่าเขาให้ไกลชุมชน โดยสัญชาติงูเมื่ออยู่ใกล้กับสัตว์ไหนที่อยู่ด้วยก็จะกินตัวนั้นและจะกินตัวที่ 2 ที่ 3 ตัวตามมา ด้านนายอุเทน ฉายเทียมรัตน์ อายุ 44 ปี เปิดเผยว่า เพื่อนร่วมงานในโรง กำลังจะนำอาหารไปให้แมวที่เลี้ยงไว้ในกรง 3 ตัว แต่มาเจองูเหลือมนอนท้องป่องอยู่ในกรงแทน ส่วนแมวถูกงูกินลงท้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงโทรแจ้งจ้าหน้าที่เข้ามาจับออกงู ตนไม่เคยเห็นงูที่มีลำตัวใหญ่มากขนาดนี้ ที่โรงงานมีแมวที่เลี้ยงไว้อยู่หลายตัว ส่วนที่ขังไว้จะเป็นแมวตัวเมียเพราะไม่อยากให้ผสมพันธุ์กับตัวผู้ จึงฉีดยาคุมและแยกขังไว้ในกรงต่างหาก คาดว่างูเหลือมน่าจะเข้าไปทางรูด้านล่างกรงที่มีอยู่แล้วกินแมว ช่วงกลางคืน เพราะซากแมวเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้จับใส่กระสอบเพื่อนำไปปล่อยคืนสู่ป่าธรรมชาติที่อยู่ห่างไกลชุมชน ไม่ให้กลับมารบกวนชาวบ้านอีก