นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีต กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า สงครามการค้ารอบใหม่จะปะทุขึ้นอีกรอบหนึ่งก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งการที่สหรัฐฯกล่าวหาไทยและไต้หวันว่าปั่นค่าเงินเพื่อเอาเปรียบทางการค้าเป็นส่วนหนึ่งของการกีดกันทางการค้า ต่อสินค้าส่งออกของไทยและไต้หวัน โดยสงครามการค้ารอบใหม่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเอาชนะในการเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันและทีมงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แม้คาดว่าอาจจะไม่มีการดำเนินการใดๆถึงขั้นที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบการค้าโลก แต่จะสร้างความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อการเจรจาการค้าเฟสแรกของสหรัฐฯกับจีน รวมทั้งคงไม่มีการเจรจาเฟสสองก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะยังมีมาตรการแข็งกร้าวทางการค้าจากสหรัฐฯมากขึ้นตามลำดับ เมื่อผนวกเข้ากับปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในที่อ่อนแอของไทย 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจอาจทรุดตัวลงได้อีก และในเบื้องต้นจะส่งผลให้ตลาดการเงินโลกมีความผันผวนสูงขึ้นอีก ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบไปด้วย โดยประเทศไทยอาจถูกจับตาและถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงค่าเงินบาทเพื่อเอาเปรียบทางการค้าสหรัฐฯได้ สำหรับประเด็นข้อกล่าวหาเรื่องการปั่นค่าเงินดังกล่าว ไทยไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป และ ธปท.ควรดำเนินการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยไม่ฝืนกลไกตลาดต่อไป แนวโน้มของค่าเงินบาทควรอ่อนค่าลงจากปัจจัยและตัวแปรต่างๆของเศรษฐกิจมหภาคอยู่แล้ว ซึ่งประเทศไทยมีอธิปไตยทางเศรษฐกิจ จึงสามารถดำเนินนโยบายทางการเงิน โดยเฉพาะนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนได้ตามบริบทความจำเป็นของประเทศที่เผชิญอยู่ การอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยประคับประคองการทรุดตัวลงของเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง โดยไม่ก่อให้เกิดแรงกดดันของเงินเฟ้อแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศไทยมีปัญหาที่น่าวิตกมากกว่าคือ ภาวะเงินฝืด โดยประเทศไทยจะมีภาวะเงินฝืดยาวนานแบบญี่ปุ่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายสาธารณะว่าถูกทิศทางและตรงเป้าหมายหรือไม่ในระยะต่อไป การเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ พร้อมกับการเร่งรัดการลงทุนโดยภาครัฐที่ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมากจะเป็นหลักประกันขั้นต้นของการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้า