พี่เจ็บมาเยอะ! "แรมโบ้" รับบทพี่สอนน้อง "นิสิต-นักศึกษา" ก่อม็อบ ยกบทเรียนเคยตกเป็นเครื่องมือมาก่อน ข้องใจ "ธนาธร" อยู่เบื้องหลังการชุมนุมหรือไม่ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2563 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า ผบ.ทบ.ไม่มีสิทธิมาให้ความเห็นทางการเมืองว่า การที่ ผบ.ทบ.ต้องออกมาพูดนั้นก็เพราะมีความเป็นห่วงประเทศชาติ และออกมาเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ขัดขวางการชุมชุมของนักศึกษา แต่ให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เพียงขออย่าก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่ผบ.ทบ.ออกมาปรามเรื่องการก้าวล่วงไว้ ซึ่งเรื่องนี้แม้จะไม่ใช่เพียง ผบ.ทบ.เท่านั้นประชาชนที่รักประเทศและเทิดทูนสถาบัน ก็อยากออกมาพูดเรื่องปกป้องสถาบันฯ มากมายเช่นกัน​ ส่วนที่นายธนาธร ระบุว่า ผบ.ทบ.เปิดบ้านให้นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจไทยเชื้อสายอินเดียและคณะเข้าพบแต่ไม่รับฟังนายอานนท์ นำภา และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ที่เดินทางไปหาที่หน้ากองทัพบกนั้น​ นายสุภรณ์​ กล่าวว่า​ นายธนาธร ต้องเข้าใจว่านายสาธิตเข้าพบ ผบ.ทบ.เพราะเขาไปเพื่อเล่าความไม่สบายใจเกี่ยวกับเนื้อหาการปราศรัยของนิสิต นักศึกษาบางคน และนายสาธิตก็ถือว่าเป็นผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมามากมายและมีเจตนาที่ดี มีความเป็นห่วงประเทศชาติ ซึ่งแตกต่างจาก นายพริษฐ์ และนายอานนท์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านตลอดมา ว่ามีเป้าประสงค์อย่างไร คนไทยทุกคนพออ่านทางออก "เชื่อว่านายธนาธรน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ว่าทั้ง ผบ.ทบ. และนายสาธิต ทำไปเพื่ออะไร แต่กลับออกมาพูดในลักษณะตำหนิทั้ง 2 คน และยังไปพูดดูเหมือนเป็นการสนับสนุนการชุมนุมของนิสิต นักศึกษา ทั้งที่ประเทศเราต้องการความสามัคคีปรองดอง ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งและวุ่นวายอีกต่อไป ซึ่งแม้นายธนาธรจะออกมาปฏิเสธไม่ได้อยู่เบื้องหลัง การเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา แต่ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่านายธนาธรน่าจะอยู่เบื้องหลังการชุมนุมหรือไม่" นายสุภรณ์​ กล่าวว่า​ นายธนาธร เป็นถึงอดีตนักการเมืองและมีส.ส.พรรคก้าวไกลเป็นทีมงาน ก็ควรยึดมั่นในระบบรัฐสภาซึ่งมีกลไกลระบบรัฐสภาในการแก้ไขปัญหา ควรจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยกระบวนการต่างๆ ที่มีอยู่ ไม่ใช่ควรใช้วิธีแก้ไขปัญหาบนท้องถนน ยุหรือส่งเสริมให้น้องๆ นักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว เว้นแต่เพียงว่านายธนาธรอยากใช้โอกาสการเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา ล้มรัฐบาลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง และเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมา ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่ถ้าคิดเช่นนั้น ตนจึงฝากถึงน้องๆ นักศึกษาว่า อย่าให้ใครชักใยหรือหนุนหลังเด็ดขาด เพราะบทเรียนในการชุมนุมของพวกพี่ๆ ในอดีตสมัยปี 52 - 53 พวกพี่ๆ เคยตกเป็นเครื่องมือให้กับกลุ่มบุคคลที่หนุนหลังเพื่อก้าวสู่อำนาจในบ้านเมือง เพียงหวังผลประโยชน์ให้กลุ่มและพวกพ้องของตนเอง จนทำให้มีการชุมนุมอันยาวนาน เกิดความขัดแย้งหลายสีเสื้อหลายกลุ่ม ทำให้คนไทยเกิดความขัดแย้งทะเลาะกันวุ่นวายทั้งแผ่นดิน ส่งผลทำลายเศรษฐกิจประเทศเสียหายย่อยยับ การค้าการขายการลงทุนเสียหายยับเยิน บทเรียนที่พี่ๆ ต้องจดจำในอดีตว่า จะต้องบอกกล่าวรุ่นน้องๆ ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกต่อไป เราจะต้องเดินหน้าจับมือกันให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้ ต้องร่วมมือกันเอาบทเรียนการชุมนุมในอดีตมาเล่าหรือบอกกล่าวน้องๆ นักศึกษาให้ทราบความจริง เพื่อที่จะให้บ้านเมืองไม่ต้องย้อนกลับไปให้มันเจ็บปวดหัวใจเหมือนอดีตในปี 52-53 อีกต่อไป พี่ๆ จดจำภาพในอดีตติดตาติดใจตลอดเวลาเพราะมันเจ็บปวดหัวใจที่สุด ถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่มีทางตกเป็นเครื่องมือให้ใครเด็ดขาด เป็นเรื่องที่ผิดพลาดในชีวิตของพี่ๆ ที่สุด "ทุกวันนี้ได้แต่คิดสงสารประเทศไทย สงสารประชาชนคนไทย เพราะความผิดพลาดผมที่ตกไปเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่หนุนหลัง แต่ถ้าน้องๆ ชุมนุมตามสิทธิ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ พี่คงห้ามอะไรไม่ได้ เพียงแต่พี่อยากเล่าประสบการณ์บอกกล่าวถึงน้องทุกคนให้ทราบกับบทเรียนในอดีตอันเจ็บปวดที่เจอมากับตนเอง เพื่อให้น้องๆ ได้ลองคิดและทบทวนดูเท่านั้นเองครับ"