“นักวิชาการ” สุดทน วอน บิ๊กตู่ 2 ข้อฟังเสียงสังคมหากคิดตั้ง “นฤมล” เป็นรัฐมนตรี หวั่นสังคม – ม็อบเยาวชนยี้ยกระดับไล่รัฐบาล ชี้ภาพลักษณ์ “บิ๊กอาย”ไม่ต่างแรมโบ้อีสาน หักหลังนายก่อน ย้ายขั้วมาได้ดี ชี้เป็นส.ส.สมัยแรก-เดินตามผู้ใหญ่ แถมไม่มีมุ้งนั่งรองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมืองก็หรูแล้ว วันที่ 24 ก.ค. นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกระแสการปรับครม.ว่า ในส่วนอื่นส่วนตัวไม่ติดใจที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผสมผสานฟังกระแสสังคม และตอบโจทย์การเมืองได้เหมาะสมแล้ว แต่อาจยังมีตำแหน่งที่มีคำถามคาใจอย่างเช่นกรณีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อกลับมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานอีกครั้ง ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะก่อนหน้าก็ถูกกระแสต้านอย่างรุนแรง ตั้งแต่ตอนนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ระบุให้เป็นมือเศรษฐกิจคนใหม่ ก็ได้รับเสียงต่อต้านอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามด้วยความกังวล ตนจึงมีข้อเสนอ 2ที่พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรับฟังหากคิดจะตั้งนางนฤมลเป็นรัฐมนตรี คือ 1.ความล้มเหลวในการทำหน้าที่เป็นโฆษกรัฐบาล การสื่อสารข้อมูลไปยังประชาชน ซึ่งได้รับการตัดสินแล้วว่ามีปัญหา 2.การเดินข้ามพื้นที่นักวิชาการมาสู่พื้นที่การเมืองซึ่งเป็นพื้นที่สีเทาอันใกล้ชิดกับนักการเมือง อย่างการเป็นหนึ่งในขบวนการเชิญพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และสังคมก็มองว่ามีส่วนที่ทำให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯและกลุ่มสี่กุมาร ต้องอัปเปหิตัวเองออกจากการเมือง ตรงนี้ทางวัฒนธรรมการเมืองไทยยังยึดถือเรื่องความกตัญญู รู้คุณ เช่นเดียวกับกรณี “แรมโบ้อีสาน” ที่เคยอยู่เสื้อแดงก่อนย้ายมาขั้วรัฐบาลฝั่งตรงข้าม ดังนั้นนางนฤมลจะอยู่ในภาวะเดียวกัน นายวันวิชิต กล่าวต่อว่า ส่วนนางนฤมล ที่มีกระแสข่าวไปนั่ง รมช.แรงงาน ตนมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะเป็นกระทรวงเล็ก มีเพียง 3 กรม และกองต่างๆไม่มาก รัฐมนตรีว่าการคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว จะเอาไปอัดหาที่ลงทำไมให้แย่งการทำงานทำไม ดังนั้น นายกฯต้องดูทุกตำแหน่งให้ประชาชนมั่นใจ เพราะการปรับ ครม.รอบนี้เป็นการเดิมพันอนาคตทางการเมือง เพราะจะเป็นเงื่อนไขหรือชนวนให้ขบวนการนิสิตนักศึกษาที่กำลังชุมนุม ซึ่งกำลังจับตามองว่ารัฐบาลมีความจริงใจหรือไม่ หากคนชื่อที่สังคมยี้เป็นรัฐมนตรี จะเข้าทางผู้ชุมนุมว่ารัฐบาลต้องการอยู่ต่อต้องการสืบทอดอำนาจโดยไม่สนใจรับฟังความคิดเห็นประชาชน แต่งตั้งคนโดยตอบแทนฝ่ายการเมืองมากจนเกินไป “การเป็น ส.ส.สมัยแรก การได้รับโอกาสเป็นโฆษกรัฐบาลน่าจะเพียงพอแล้ว ฉะนั้นการมีภาพเดินติดตามหลังผู้ใหญ่ ทำให้คนมองว่ามีความพยายามอยากจะโตแบบก้าวกระโดด จริงๆแล้วอาจารย์นฤมลควรจะเติบโตในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมืองมากกว่า เพราะความล้มเหลวในการทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลแล้วอยากจะเป็นเสนาบดีกระทรวงอย่างรัฐมนตรีช่วยแรงงาน มันไม่ตอบโจทย์สิ่งที่อาจารย์นฤมลทำอยู่ในปัจจุบัน ถ้ามีผลงานเป็นที่ประจักษ์กระแสสังคมคงไม่เป็นอย่างนี้ แถมยังไม่มีพรรคพวกหรือ ส.ส.ในมือด้วยค่อยปกป้องด้วย” นายวันวิชิตกล่าว